โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

อัยการสั่งฟ้อง 23 รายคดีตึก สตง. ถล่ม ปมก่อสร้างผิดแบบ-คอนกรีตต่ำมาตรฐาน กระทบเชื่อมั่นบิ๊กโปรเจกต์ภาครัฐ

การเงินธนาคาร

อัพเดต 27 ธันวาคม 2568 เวลา 23.21 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงระบุโครงสร้างวิบัติจากแรงเฉือนแผ่นดินไหว หลังพบแบบก่อสร้างและระยะฝังเหล็กเสริมไม่เป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคาร พนักงานอัยการเดินหน้าสั่งฟ้องทั้งบุคคลและนิติบุคคลในฐานความผิดอาญา-ปลอมเอกสาร-ทุจริตการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) DSI ขยายผลสอบนอมินีต่างชาติพ่วง พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างฯ ขณะที่ ป.ป.ช. รับลูกไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐฐานทุจริตต่อหน้าที่

27 ธันวาคม 2568-สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์อาคารสำนักงานแห่งใหม่พังถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพลักษณ์การบริหารงานก่อสร้างภาครัฐ ล่าสุดผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพบสาระสำคัญที่เป็นมูลเหตุแห่งการวิบัติของอาคารอย่างชัดเจน โดยระบุว่าการพังถล่มเริ่มต้นจากบริเวณชั้น 1-4 เนื่องจากโครงสร้าง "ผนังรับแรงเฉือน" (Shear Wall) ไม่สามารถทนทานต่อแรงกระทำจากแผ่นดินไหวได้

ประเด็นที่น่ากังวลในเชิงมาตรฐานวิศวกรรมคือ ผลการทดสอบก้อนตัวอย่างคอนกรีตจากผนังอาคารพบว่ามีค่าความแข็งแรงเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในสัญญาก่อสร้าง อีกทั้งแบบรายละเอียด (As-built drawings) ที่ใช้ในการปฏิบัติงานจริงไม่เป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคาร โดยเฉพาะการออกแบบจุดต่อระหว่าง Link Beam กับผนังรับแรงเฉือนที่มีระยะฝังเหล็กเสริม (Embedment Length) น้อยกว่ามาตรฐาน ส่งผลให้อาคารมีความอ่อนแอเชิงโครงสร้างและไม่สามารถรับแรงกระทำตามที่กฎหมายกำหนด

ดำเนินคดีอาญาและข้อหาปลอมแปลงเอกสาร

ทางด้านกระบวนการยุติธรรม พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ร่วมกับพนักงานอัยการ ได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 23 ราย ประกอบด้วยบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ ควบคุม และก่อสร้างอาคาร โดยถูกดำเนินคดีในฐานความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 ว่าด้วยการละเว้นไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การก่อสร้าง

นอกจากนี้ ยังพบมูลความผิดที่ร้ายแรงในเชิงธุรกิจคือการร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรองคุณภาพวัสดุและขั้นตอนการตรวจสอบงานก่อสร้างเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงในกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน

DSI และ ป.ป.ช. ประสานงาตรวจสอบนอมินี-ทุจริตเชิงนโยบาย

นอกจากการเอาผิดเชิงวิศวกรรมแล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ยังตรวจพบความผิดปกติในมิติของนิติบุคคล โดยมีความเห็นสั่งฟ้องในกรณีความผิดตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หลังพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการใช้ "นอมินี" ในการรับงานก่อสร้างภาครัฐ พร้อมทั้งส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ

"สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยพร้อมดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปด้วยความโปร่งใส"

กรณีศึกษานี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงของหน่วยงานตรวจสอบที่กลับกลายเป็นผู้เสียหายเสียเอง นักวิเคราะห์มองว่าการสั่งฟ้องผู้ต้องหาถึง 23 รายในครั้งนี้ จะส่งผลให้กรมบัญชีกลางยกระดับมาตรการคัดกรองผู้รับเหมาและการตรวจรับงานก่อสร้างอาคารภาครัฐให้เข้มงวดขึ้น (Construction Supervision) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและงบประมาณในอนาคต

การดำเนินคดีที่ครอบคลุมทั้งกฎหมายอาญา กฎหมายคอร์รัปชัน และกฎหมายธุรกิจต่างด้าวในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการทำความสะอาดระบบจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement Cleaning) เพื่อดึงความเชื่อมั่นจากสาธารณชนและนักลงทุนกลับคืนมา โดยเฉพาะในจังหวะที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ทั่วประเทศ

อ่านข่าว เศรษฐกิจทั่วไทย ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...