บ้านปายดิน ออแกนิคฟาร์มสเตย์ ความสุขเล็ก ๆ ที่สุพรรณบุรี
ชวนเที่ยวไทยแบบที่ใช่สไตล์ที่ชอบแบบ Stylecation ของพวกเราคือการได้ไปเรียนรู้วิถีชีวิต ได้ลองทำกิจกรรมแบบคนท้องถิ่น วันนี้เราเลยจับมือเพื่อนซี๊ไปพักผ่อนชิว ๆ ปล่อยผมให้ปลิวกับสายลมกลางทุ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ม่อฮ่อม ล้อมวงกินข้าวน้ำพริกปลาทู ดูควาย นั่งรถอีแต๊ก เก็บไข่ไก่ ดริปกาแฟ สัมผัสทุ่งนาเขียวขจีสลับที่ทองอร่ามตามครรลองของมนต์เสน่ห์แห่งภาคกลาง ณ ออแกนิคฟาร์มสเตย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งการพักผ่อนสุดชิวพร้อมกับได้ทำกิจกรรมคูล ๆ แน่น ๆ แบบนี้คือสไตล์ที่เราเลิฟที่สุดเลยแหละ และที่นี่ก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งได้ชิดธรรมชาติ ได้ความรู้ ความสุข ความประทับใจและรูปสวย ๆ กลับไปแบบเต็มอิ่ม
ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่ : บ้านปายดิน ออร์แกนิค ฟาร์มสเตย์
ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
Tel : 063-9788882 , 083-1571823
พิกัด : goo.gl/maps/g67vKgpooQJxfmKEA
ข้อควรรู้
-บ้านปายดินมีบ้านพักส่วนตัวให้เลือกทั้งหมด 10 หลัง ซึ่งแต่ละหลังจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกและมีแอร์ทุกหลัง
-ราคาที่พักเริ่มต้นที่ 900 บาทรวมอาหารเช้าและกิจกรรมต่าง ๆ (ยกเว้นรถอีแต๊กต้องจ่ายเพิ่ม 300 บาท) แต่แนะนำให้ลองนั่งรถอีแต๊กชมทุ่งนาเถอะ สนุกและชิวมาก
-แม้จะอยู่กลางทุ่งโล่งแต่มีลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน ลมเย็นจนไม่ต้องใช้พัดลมกันเลย
-บ้านพักไม่ได้มีร้านอาหารและสามารถสั่งอาหารเย็นได้มีทั้งหมูกระทะและอาหารพื้นบ้านทั่วไป รสชาติดีแนะนำให้สั่ง เมนูแนะนำ ต้มยำไก่บ้าน, ชุดน้ำพริกปลาทู, ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว อาหารอร่อยทุกอย่าง รสจัดจ้านแบบไม่เกรงใจคนเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น
-สำหรับเครื่องดื่ม น้ำอัดลมต่าง ๆ ต้องซื้อเข้ามาเองที่พักไม่มีจำหน่าย และไม่มีบริการไปซื้อให้ แต่สามารถสั่งอาหารเครื่องดื่มผ่านทางแอปพลิเคชั่นส่งอาหารได้
-สามารถทำอาหารที่ที่ฟาร์มได้ แต่ผู้เข้าพักจะต้องเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดไปเอง
-ที่ฟาร์มมีเสื้อม่อฮ่อม คอกระเช้า ผ้าถุงไว้ให้ยืมใช้ฟรีนะ ใครอยากได้ฟิลลิ่งสาวชาวนาก็ไปขอมาเปลี่ยนกันได้
-งดใช้เสียงหลัง 21:00 น. อยากให้ได้พักผ่อนกันจริง ๆ
-ที่พักค่อนข้างอยู่ลึกกลางทุ่งนา เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยวและมืด แนะนำว่าช่วงกลางคืนหากไม่จำเป็นไม่ควรออกไปไหน พักผ่อนข้างในตามสไตล์คนชิวดีกว่า
-ด้วยที่ฟาร์มอยู่กลางทุ่งนา หญ้าและต้นไม้ จึงเป็นปกติที่จะมีแมลง กบ เขียด เสียงร้องต่าง ๆ และหัวค่ำยุงเยอะและตัวใหญ่มาก
-สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาได้ตัวละ 200 บาท นำอาหารเบาะนอนของน้องมาเองและแจ้งที่พักล่วงหน้าเท่านั้น
บ้านปายดิน ออร์แกนิก ฟาร์มสเตย์ จ.สุพรรณบุรี
เริ่มต้นมาจากการสร้างบ้านสำหรับอยู่อาศัยและอยากให้ทุกคนในครอบครัวได้อยู่แบบพร้อมหน้าพร้อมตากัน ปลูกผัก ทำนา เลี้ยงควาย เลี้ยงไก่ จนไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นฟาร์มสเตย์แบบออกแกนิค เพราะทางที่พักตั้งใจจะทำเกษตรแบบไม่ใช่สารเคมีไว้บริโภคเองอยู่แล้ว ดังนั้นที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งส่งต่อความรู้ พื้นที่อนุรักษ์ความเป็นอยู่ดั้งเดิมของชาวสุพรรณและเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวด้วย
สำหรับเรา เราว่าให้อารมณ์เหมือนมาพักผ่อนบ้านญาติที่ต่างจังหวัดเลยแหละ
ที่พักมีทั้งหมด 10 หลัง แต่ละหลังจะมีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน แต่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบและมีแอร์ให้ทุกหลัง จึงไม่ต้องกลัวว่ากลางคืนตอนนอนจะร้อนหรืออบอ้าว แต่อันที่จริงเราขอยืนยันเลยว่า การที่ฟาร์มอยู่กลางทุ่งนาทำให้ลมพัดเย็นสบายไม่ต้องกลัวเรื่องความร้อนเลย แบบนี้สิถึงจะเหมาะกับสไตล์คนขี้เที่ยวรักความชิวแบบเรา
สำหรับบ้านของเราในทริปนี้คือบ้านต้นดิน เป็นบ้านพักริมนาที่มีพื้นที่เป็นของตัวเองกว้างขวางมาก ตั้งแต่ห้องนอนแสนกว้างเปิดม่านมาก็เห็นทุ่งนา อ่างอาบน้ำสีขาวแบบบ้าน ๆ ไว้แช่น้ำชมวิว ห้องน้ำแยกออกจากตัวห้องนอน มีสนามหญ้าหน้าบ้านและห้องโถงกลางที่กว้างมาก สามารถชวนเพื่อนมานั่งเล่น รับลม ชมวิว ไกวชิงช้า หรือจะทานอาหารเย็น ปิ้งหมูกระทะ จิบกาแฟก็ได้ไม่เกี่ยง
ห้องนอนมีความเรียบง่ายน่ารัก ด้านในห้องบุด้วยไม่สานและทับด้วยไม้ไผ่เป็นลำด้านนอกห้องอีกที ทำให้เก็บความเย็นของแอร์ได้ดี ดีจนเรารู้สึกหนาวกันเลย ภายในห้องมีโต๊ะทำงาน ที่นอน หมอน มุ้ง กระจก ตู้เล็ก ๆ และตู้เย็นไว้ให้ครบ
นั่งเล่นเพลิน ๆ ที่บ้านจนแดดร่มลมตก เราก็ชวนกันเดินไปที่เถียงนา ตรงนี้จะเป็นฐานทัพของพี่สมศรี ควายน้อยขวัญใจผู้มาเยือนทุกคน โซนนี้จะมีบ้านไม้หลังใหญ่มีใต้ถุนไว้ให้พี่สมศรีและไก่ชนได้อาศัยเป็นศูนย์กลาง มีแปลงผักน้อย ๆ เถียงนาน้อยไว้นั่งพัก ปลักแช่ตัวของพี่สมศรีและยังมีกองฟางไว้ให้ถ่ายรูปสวย ๆ ด้วย ช่วงที่เรามานาบางส่วนโดนเกี่ยวออกไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังสวยน่านั่งเล่นมากเลย
และหนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์คือการให้อาหารพี่สมศรี ไม่ว่าจะป้อนหญ้า ป้อนกล้วย พี่สมศรีก็คือเวลคัมหมดจ้า
ก่อนจะบอกลาพี่สมศรีก็ต้องขอแชะภาพกับกองฟางและเถียงนาสักหน่อย
หลังจากบอกลาพี่สมศรีแล้ว เราก็มารอที่จุดนัดพบรถอีแต๊ก ช่วงเย็น ๆ นี่ช่างบรรยากาศดีเสียจริง เราชักจะติดใจลมสบายของที่นี่แล้วสิ
กิจกรรมนั่งรถอีแต๊กจะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งกิจกรรมนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 300 บาทน้า เป็นการเพิ่มรายได้ให้ชาวนาบริเวณรอบ ๆ ด้วย โดยพี่โชเฟอร์จะขับนั่งรถอีแต๊กพาเราชมทุ่ง และรอบ ๆ บริเวณของชุมชนประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถแวะถ่ายรูป ดูพระอาทิตย์ตกบนรถอีแต๊กได้เลย เราว่าก้โรแมนติกไปอีกแบบเลยนะ
หน้าตาของคนมีความสุขมันก็ประมาณนี้แหละ เราว่าการได้เปลี่ยนมาใส่ม่อฮ่อมก็ได้ความกลมกลืนและดูเป็นแฟชั่นในอีกสไตล์หนึ่งเลยนะเนี่ย
เด็ก ๆ ก็ได้มาวิ่งเล่นกับเราตอนที่เรานั่งรถอีแต๊กด้วย หน้าตามีความสุขกันเหลือเกิน
หลังจากนั่งรถอีแต๊กทัวร์จนทั่วแล้ว ก็ถึงเวลาของมื้อเย็นที่เรารอคอย สำหรับอาหารเย็นหากจะทานที่นี่ต้องสั่งเพิ่มไม่ได้รวมอยู่ในค่าที่พัก ซึ่งมีทั้งหมูกระทะ และกับข้าวแบบผูกปิ่นโต ราคาอาหารไม่แพงและได้ปริมาณเต็มอิ่มและรสชาติดีมากกกกก แนะนำให้สั่ง เมนูแนะนำ ต้มยำไก่บ้าน, ชุดน้ำพริกปลาทู, ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว อาหารอร่อยทุกอย่าง รสจัดจ้านแบบไม่เกรงใจคนเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น
หรือถ้าอยากซื้ออาหารเข้ามาแล้วยืมจานชามของที่ฟาร์มก็ได้ อีกทางเลือกก็คือสั่งจากแอปพลิเคชั่นได้ เขามีมาส่งถึงน้า
บรรยากาศของการกินข้าวชมวิวทุ่งนา ขอย้ำอีกครั้งเลยว่าอาหารที่นี่อร่อยมาก โดยเฉพาะน้ำพริกนี่คือยกให้ยืนหนึ่งในใจเลย อีกทั้งวัตถุดิบหลาย ๆ อย่างของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่หรือผักที่เรากินคือเก็บมาจากฟาร์มตอนเช้า ๆ เลย เพราะแต่ละอย่างทางที่ฟาร์มปลูกเอง เลี้ยงเองเกือบหมดทุกอย่าง
หลังจากมื้อเย็น เราก็นั่งคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วก็เข้านอนอย่างเต้มอิ่ม ตื่นมาตอนเช้าด้วยความสดใส รีบเดินกึ่งวิ่งไปที่ส่วนกลางของฟาร์มเพื่อจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้คุ้ม แต่ก่อนจะถึงจุดหมาย ก็อดไม่ได้ที่จะแวะถ่ายรูปเก็บภาพสวย ๆ ไว้อวดเพื่อนในโซเชี่ยล
ในโซนส่วนกลางตรงนี้จะอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่และป่าไผ่จึงทำให้ร่มรื่นสดชื่นทั้งวัน มีพื้นที่ให้นั่งเล่น ทานมื้อเช้า นั่งห้อยขาให้อาหารปลาริมบ่อ หรือจะมาลองคั่วเมล็ดกาแฟและดริปกาแฟสด ๆ ก็ได้เช่นกัน
เอาล่ะไหน ๆ คาเฟ่ก็เปิดแล้ว เราขอรับบทบาริสต้าสาว ทำการคั่วและดริปกาแฟด้วยตัวเองสักครั้ง ความหอมของกาแฟยามเช้ามันกระตุ้นให้เราตื่นและสดชื่นได้มากเลย
หลังจากจิบกาแฟฝีมือตัวเองไปแล้ว เราก็เดินมาต่อด้วยความตื่นเต้น เพราะกิจกรรมต่อไปคือการให้อาหารไก่และเก็บไข่ไก่ในเล้า น้องไก่ที่นี่เป็นไก่อารมณ์ดีที่ต้องเลี้ยงในพื้นที่เย็น ห้ามร้อน ห้ามเครียด ห้ามเสียงดัง วันนี้เราเอากล้วยมาฝากน้อง ๆ อีกทั้งยังมีใบไผ่ที่ช่วยในเรื่องระบบย่อยให้น้องได้กินกันด้วย
หลังจากให้อาหารแล้ว เราก็เข้าไปเก็บไข่ไก่เพื่อให้ฟาร์มนำไปประกอบอาหารต่อ นอกจากจะได้เก็บไข่ไก่แล้ว ยังได้ลองอุ้มน้องไก่ด้วยแหละ น้องน่ารักและอารมณ์ดีมากเลย ขอบคุณมากเลยน้าที่ออกไข่มาใหพวกเราได้กินกัน
เนื่องจากตอนเช้าเรามีกิจกรรมที่อยากทำเยอะมาก วันนี้จึงแจ้งกับทางที่พักว่าให้เอาอาหารเช้ามาจัดให้ช่วงสาย ๆ สักหน่อย ทำให้ก่อนจะลากันไปเราก็ได้อิ่มท้องแบบสาสมใจทั้งข้าวต้ม อเมริกันเบรคฟาสต์ โอวันตินอุ่น ๆ และของหวานทั้งปาท่องโก๋ ขนมตาลและข้าวเหนียวปิ้ง ซึ่งอาหารเช้านั้นสามารถไปทานที่ส่วนกลางหรือแจ้งให้ที่พักนำมาเสิร์ฟที่ห้องก็ได้ตามสะดวก
สำหรับการมาพักผ่อนสุดชิวที่ฟาร์มออแกนิคแบบไม่ไกลกรุงเทพของเราก็จบลงแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง ชอบกันหรือเปล่า และคราวนี้เราก็มาเล่าการเที่ยวในสไตล์ที่ใช่สำหรับเรากันแล้ว แล้วของพวกเธอล่ะ ชอบเที่ยวสไตล์ไหน แบบไหน มาแบ่งปันกันได้ แล้วเราจะคอยติดตามน้า
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว