AOT กับแรงกดดันจาก King Power: สัญญาดิวตี้ฟรีที่อาจเปลี่ยนเกมรายได้
AOT กับแรงกดดันจาก King Power: สัญญาดิวตี้ฟรีที่อาจเปลี่ยนเกมรายได้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -17 มิ.ย. 68 10:48 น.
การที่ King Power ผู้รับสัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินหลักของ AOT ขอเจรจาปรับเงื่อนไข หรืออาจถึงขั้นยกเลิกสัญญาในบางส่วน ได้จุดประกายความกังวลครั้งใหม่ของนักลงทุน ว่ารายได้ในส่วนที่เคยเป็น "กลไกสำคัญ" ของ AOT อาจสั่นคลอน
บรรยากาศการลงทุนในหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลัง King Power ผู้รับสัมปทานร้านค้าปลอดอากร (Duty-Free) รายใหญ่ในสนามบิน ส่งหนังสือขอเจรจายกเลิกหรือปรับแก้สัญญาสัมปทานในสนามบินหลัก วม 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่
AOT ได้เปิดประชุมนักวิเคราะห์เพื่อชี้แจงกรณี King Power ยื่นขอยกเลิกสัญญา โดยระบุเหตุผลว่าได้รับผลกระทบจาก:
นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวต่ำกว่าคาด
เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ความไม่สงบทางการเมืองระหว่างประเทศ
รายได้ไม่สมดุลกับต้นทุนค่าเช่าสัมปทาน (Minimum Guarantee)
แนวทางรับมือของ AOT
AOT เผยแผนการว่าบริษัทจะ:
จ้าง ที่ปรึกษาอิสระ จากภาครัฐมาศึกษาทางออกภายใน 60 วัน
พิจารณาปรับสัญญาให้เปลี่ยนจาก MG มาเป็น Revenue Sharing ที่ 20% แทน
ย้ำว่าหากตกลงไม่ได้ อาจยกเลิกสัญญาและเปิดประมูลใหม่ โดยยังยึดแบงก์การันตีของ King Power ไว้ตามเงื่อนไข
จุดเปลี่ยนจาก Minimum Guarantee สู่ Revenue Sharing
ปัจจุบัน King Power ต้องจ่าย Minimum Guarantee (MG) ซึ่งเป็นการประกันรายได้ขั้นต่ำให้กับ AOT ทุกปีตามที่ตกลงไว้ในสัญญาสัมปทาน แต่ด้วยปัจจัยลบสะสม เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่, ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ King Power ส่งหนังสือขอเจรจาทบทวนสัญญา
หาก AOT ยอมปรับสัญญาจาก MG เป็น Revenue Sharing ที่ 20% ของรายได้จริง จะส่งผลให้:
รายได้จากสัมปทานของ AOT ลดลงทันที
EBIT margin ถูกบีบ
กำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบต่อประมาณการกำไร และราคาเป้าหมาย AOT
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมายใหม่ มุมมองหลัก KGI ถือ 29.00 บาท หั่นกำไรปี 69F ลง 24.9% จากผลกระทบ MG ดาโอฯ ถือ 30.00 บาท ปรับลดกำไร FY26E ลง 28% คาดเจรจา MG ได้ข้อสรุปเร็ว CGSI ขาย 20.00 บาท ห่วง EPS ฟื้นตัวยาก หากไม่มีนโยบายเพิ่ม PSC หรือนักท่องเที่ยวฟื้นไม่ทัน
AOT ยังถือไพ่ในมือ…แต่ต้องเดินให้ถูกเกม
แม้ AOT จะมีอำนาจต่อรองในฐานะเจ้าของพื้นที่สนามบิน แต่การตัดสินใจต่อจากนี้ต้องอิงสมดุลระหว่าง:
- ความเสี่ยงในการเสียผู้รับสัมปทานรายใหญ่
- ความเป็นไปได้ในการเปิดประมูลใหม่
- ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความมั่นคงของรายได้ในสายตานักลงทุน
อีกทั้ง หากการเจรจาไม่ลงตัว และ King Power เลือกเดินเกมยกเลิกสัญญา AOT อาจต้องเผชิญ ช่องว่างรายได้ ในระยะสั้น และต้องเร่งหาผู้ประกอบการรายใหม่มาทดแทน
แนวโน้มหุ้น AOT: ฟื้นยากในระยะสั้น
แม้ธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวจะเป็นเมกะเทรนด์ระยะยาวของไทย แต่ในช่วง 12 ปีนี้ หุ้น AOT อาจถูกถ่วงจาก:
ความไม่แน่นอนของดีล King Power ซึ่งยังไม่มีข้อยุติ
แนวโน้มกำไรที่ถูกหั่นลง โดยเฉพาะปี 2569 ที่หลายโบรกประเมินต่ำกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท
แรงขายจากนักลงทุนสถาบัน ที่กังวลต่อภาพรายได้ระยะยาว
แนวโน้มค่าโดยสารและค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ที่ยังไม่ฟื้นเต็มรูปแบบ
บทสรุปสำหรับนักลงทุน
แม้ AOT ยังคงมีสถานะเป็นผู้นำในธุรกิจสนามบินของไทย และมีการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในระยะยาว แต่กรณี King Power ขอเจรจาปรับสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี ได้กลายเป็น ปัจจัยกดดันสำคัญต่อแนวโน้มรายได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะหากมีการปรับเงื่อนไขจาก Minimum Guarantee ไปเป็นรูปแบบแบ่งรายได้ที่อัตราต่ำกว่าเดิม
นักลงทุนควรจับตาการเจรจาในช่วง 60 วัน อย่างใกล้ชิด เพราะผลลัพธ์จะมีผลต่อ กำไร การประเมินมูลค่า และทิศทางราคาหุ้น AOT ในระยะกลางถึงยาวอย่างมีนัยสำคัญ
เรียบเรียง โดย จารุวรรณ เอี่ยมยิ่งพานิช
อีเมล์. charuwan@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ