โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

Others

“สกสว.” ผนึกกำลัง “สอวช.” และธนาคารโลก ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทย ดัชนีระบบ ววน. Thailand SRI Index 2025

สยามรัฐ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

“สกสว.” ผนึกกำลัง “สอวช.” และธนาคารโลก ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทย ดัชนีระบบ ววน. Thailand SRI Index 2025

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และธนาคารโลก (World Bank) คิกออฟความร่วมมือครั้งสำคัญในงาน ‘ทิศทางวิจัย x นวัตกรรมไทย 2569 : Thailand SRI Index 2025’ มุ่งพัฒนา ‘ดัชนีระบบ ววน.ของไทย’ ให้เป็นเข็มทิศนำทางเศรษฐกิจเล่มใหม่ของประเทศ ที่ไม่เพียงกำหนดเป้าหมายการลงทุนด้านนวัตกรรมได้อย่างแม่นยำ แต่ยังเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาคมวิจัย

ให้ก้าวไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมเปิดเวทีแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูงจากธนาคารโลกและพันธมิตรนานาชาติ เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นและขีดความสามารถของไทยในเวทีโลก พร้อมกันนี้ ประธาน กสว. เปิดผล ‘Thailand SRI Index 2025’ ต่อเนื่องปีที่ 2 เผยดัชนีแกร่ง 7.77 พร้อมเปิดแผนปี 69 เร่งปั้นนักวิจัยรุ่นใหม่-ดึงทุนระดับโลกขับเคลื่อน ววน.ของประเทศ

ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Thailand SRI Index 2025: From Now to Next – Growth of Thailand” โดย ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ที่ได้ฉายภาพบทบาทของดัชนี Thailand SRI Index ในฐานะ “กระจกสะท้อนศักยภาพประเทศ” ผ่านมุมมองด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (Science – Research – Innovation) ซึ่งเป็นกลไกหัวใจในการยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต

ประธาน กสว. ระบุว่า การจัดทำ SRI Index 2025 หรือ ดัชนีวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไทย 2568 ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สกสว. สอวช. และธนาคารโลก (World Bank) เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการ วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน และติดตามความก้าวหน้าจากปีที่ผ่านมา ผ่าน 5 เสาหลัก ได้แก่ 1.ผลกระทบจากนวัตกรรม 2.ความร่วมมือและการเชื่อมโยง 3.การใช้ประโยชน์จากผลงาน 4.ผลผลิตทางปัญญา และ 5.การลงทุนด้าน ววน. โดยภาพรวมคะแนนสุขภาพระบบ ววน. ของไทยปีนี้ อยู่ที่ 7.77 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเพียง 0.04 จากปัจจัยภายนอก ซึ่งแม้จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ประเทศไทยยังมีศักยภาพที่จะผลักดันให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

สำหรับก้าวต่อไปในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปี 2569 ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ เน้นย้ำถึงการบูรณาการปัจจัยขับเคลื่อนหลัก คือ เงินทุน-งานวิจัย-กำลังคน-ผลลัพธ์ ให้สอดประสานกัน โดยมีวาระเร่งด่วน คือ การส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่ ด้วยการเปิดกว้างโอกาสและสร้างเส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพ (Career Path) ที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัย และการขยายความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยเฉพาะในมิติของกองทุนและทุนวิจัยร่วม ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดเร็วๆ นี้ เพื่อให้ผลงานวิจัยถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ

“ระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คือทรัพยากรล้ำค่าที่ประเทศไทยมีอยู่ หากเราสามารถดึงศักยภาพนี้ออกมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จะเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง” ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ กล่าวทิ้งท้าย

นายแซงบู คิม รองประธานฝ่ายดิจิทัลและAI ธนาคารโลก (World Bank) เปิดเผยถึงทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลว่า ปัจจุบันธนาคารโลกมีสมาชิก 170 ประเทศ และมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนากว่า 100 ประเทศ เพื่อขจัดความยากจนและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานของคนรุ่นใหม่กว่า 400 ล้านตำแหน่ง ระบุว่าหัวใจสำคัญ คือการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลผ่าน 3 เสาหลัก คือ ภาครัฐ ปัจเจกบุคคล และภาคเอกชน โดยเน้นย้ำว่า ภาครัฐต้องยกระดับบทบาทสู่การเป็น “ผู้สร้างตลาด” (Market Shaper) ไม่ใช่เพียงแค่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ต้องใช้นโยบายและการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อสร้างดีมานด์นำ เปิดพื้นที่ให้เทคโนโลยีใหม่และสตาร์ทอัพได้ขยายผลจริง เพื่อเปลี่ยนผู้คนให้เป็น "ผู้สร้างนวัตกรรม" ภายใต้การกำกับดูแล AI และความปลอดภัยไซเบอร์ที่รัดกุม

พร้อมกันนี้ ได้ฝากโจทย์สำคัญถึง ประเทศไทย ว่า แม้จะมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงและมีบริการภาครัฐที่โดดเด่น เช่น Thai ID และพร้อมเพย์ แต่โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ “ยังไม่เพียงพอสำหรับการแข่งขันในยุค AI” เนื่องจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีอย่างดุเดือด หากไทยไม่เร่งปรับตัวและลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขั้นสูงเพิ่มเติม จะเป็นเรื่องยากที่จะไล่กวดให้ทันการแข่งขันในเวทีโลก

รองประธานฝ่ายดิจิทัล และ AI ธนาคารโลก กล่าวต่อว่า ข้อได้เปรียบสำคัญของไทย คือ การมีอำนาจอธิปไตยเหนือข้อมูล (Data Ownership) แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการพัฒนาทักษะแรงงาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดแรงงานที่มีความยากลำบาก และต้องแข่งขันกับบัณฑิตที่จบการศึกษาจากต่างประเทศ

ในบริบทของประเทศไทย นายแซงบู คิม ระบุว่า “การที่ภาครัฐมีหน่วยงานอย่าง สกสว. ถือเป็นจุดแข็งสำคัญ เพราะ สกสว. มีบทบาทในการเชื่อมโยงระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับการพัฒนาเศรษฐกิจจริง ผ่านการกำหนดทิศทางการลงทุนวิจัย การออกแบบทุนที่เน้นการใช้ประโยชน์ และการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างนักวิจัย ภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลตลาดต่าง ๆ บทบาทเช่นนี้ช่วยให้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมดิจิทัลไม่หยุดอยู่ในห้องทดลอง แต่ถูกนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ บริการ และแพลตฟอร์มใหม่ที่สร้างตลาดและโอกาสการจ้างงานในเศรษฐกิจดิจิทัล”

ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้สานต่อความร่วมมือกับ สกสว.เพื่อสนับสนุนการสร้างงานใหม่ในตลาด โดยมุ่งเน้น 5 อุตสาหกรรมศักยภาพของไทย ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี AI บริการด้านสุขภาพ ธุรกิจเกษตร และการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นพื้นที่สำคัญในการนำองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลและ AI

ด้าน ศาสตราจารย์สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. แถลงความสำเร็จโดยมองย้อนเพื่อมองไปข้างหน้า ระลึกถึงสิ่งที่ทำได้ และมองเห็นหนทางที่ยังต้องไปต่อในหัวข้อ From the Past to the Future – SRI Annual Report 2025 ตลอดปี 2568 ที่ผ่านมา กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ทำหน้าที่เป็น “กองทุนกลางของประเทศ” ที่ขับเคลื่อนพลังการวิจัยในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และพื้นที่ มีภารกิจชัดเจน คือ “เปลี่ยนงบประมาณให้กลายเป็นคุณค่า” และ “เปลี่ยนงานวิจัยให้กลายเป็นพลัง”ในปีงบประมาณ 2568 กองทุน ววน.ขับเคลื่อนงานวิจัยผ่านหน่วยรับงบประมาณ และผ่าน 9 หน่วยบริหารจัดการทุน (PMU) โดยเน้นหลักการ Outcome-Based Funding ที่วัดความสำเร็จจาก “ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ” ไม่ใช่แค่จำนวนโครงการ ตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม อาทิ

•ด้านสุขภาพ: แก้ปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ลดภาระงบประมาณได้กว่า 13,500 ล้านบาท การพัฒนาวัคซีนโควิดและวัคซีน HPV ฝีมือคนไทย

•ด้านนวัตกรรมแพทย์: ความสำเร็จของ “Colosme” ทวารเทียมจากยางพาราไทย และ AI วินิจฉัยโรค (Inspectra)

•ด้านเศรษฐกิจและสังคม: แก้จนแม่นยำเพิ่มรายได้ครัวเรือนเป้าหมาย การสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร(ปูม้า อาหารเป็นยา) และระบบเตือนภัยฝุ่น PM2.5 (DustBoy)

ผอ. สกสว. ย้ำว่า เพื่อเปลี่ยนผ่านระบบ ววน. สู่พลังหลักของประเทศ ในปี 2569 จะมีการจัดตั้งและปรับปรุงโครงสร้างสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ยกระดับ TCELS (กฎหมายใหม่) เปลี่ยนจากศูนย์วิจัยเป็น “องค์กรขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพแห่งชาติ” มีอำนาจร่วมลงทุน เชื่อมต่อห้องแล็บสู่ตลาดโลก ปั้นไทยเป็น Bio-Health Valley ของเอเชีย 2)จัดตั้ง “รวพ.” (สำนักงานเร่งรัดการวิจัยฯ): กลไกใหม่ทำหน้าที่เป็น “คนกลาง” เชื่อมทุนและข้อมูลลงสู่พื้นที่ (Regional Connector) เพื่อแก้ปัญหาปากท้องและสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างตรงจุด และ 3)ตั้ง “PMU ด้านกลาโหม”: เปิดประตูสู่อุตสาหกรรมความมั่นคง เน้นวิจัยเทคโนโลยีสองทาง (Dual-use) เช่น โดรนไร้คนขับ (UAV), AI ทางทหาร และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อลดการนำเข้าและสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้ประเทศ ทั้งนี้ ระบบ ววน. ไทย วันนี้ไม่ใช่เพียงเครื่องมือทางนโยบาย แต่ คือรากฐานความมั่นคงที่เปลี่ยน “ความรู้” ให้เป็น “คุณค่า” เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคนจะเห็นได้ชัดเจนว่า ท่ามกลางความท้าทายใหม่ ๆ ของโลก การวิจัยและนวัตกรรม คือ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว การผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง สกสว. สอวช. ธนาคารโลก รวมถึงพลังของ 9 PMU จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยให้ทัดเทียมเวทีโลก ซึ่งผลลัพธ์จากการดำเนินงาน จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยวางรากฐานสำหรับอนาคตของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...