‘Exit 8’ เมื่อชีวิตเป็นดั่งเกมที่ ‘ติดลูป’ วนเวียนหาทางออกไม่เจอ
“อย่ามองข้ามความผิดปรกติ ถ้าเห็น…ให้หันกลับทันที”
ถ้าอยากรอดออกไป ต้องหาทางออกหมายเลข8 ให้เจอ
นี่คือกติกาที่ตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง ‘Exit 8 – ทางออกหมายเลข 8’ ต้องปฏิบัติตาม มิฉะนั้น เขาจะต้องเจอกับ “ชีวิตติดลูป” เดินวนเวียนหาทางออกไม่ได้อยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินตลอดไปชั่วกาลนาน
Exit 8 เป็นหนังแนวจิตวิทยาเขย่าขวัญ (psychological horror) สร้างจากเกมสุดหลอนอันโด่งดังของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ฮะจิบัง เดกุจิ” โดยตัวเกมมีกติกาง่าย ๆ แค่เพียงว่า คุณต้องหาสิ่งผิดปกติในบริเวณทางออกของรถไฟใต้ดินให้เจอ ถ้าเจอแล้วให้หันหลังกลับทันที แต่ถ้าไม่เจอก็เดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ
หากทำถูกต้องตามกติกา ตัวเลขทางออกก็จะเปลี่ยนจาก 0 เป็น 1, 2, 3 ไปเรื่อย ๆ ถ้าทำถูกติดต่อกัน 8 ครั้ง จนถึง Exit 8 จึงจะหลุดออกมาได้
แต่ถ้าหากว่าคุณทำพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว เช่น ทำถูกมาตลอดจนไปถึงทางออกหมายเลข 7 เหลืออีกแค่ครั้งเดียวก็จะได้ออกไปแล้ว เกมจะถูกรีเซ็ต คุณต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ทางออกหมายเลข 0 เสมอ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวละครในหนัง และคนที่เล่นเกมนี้ ฟิวส์ขาด สติแตกกันมานักต่อนัก
หนังที่ดัดแปลงจากเกมได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง
สำหรับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ สิ่งที่ต้องชมคือ Exit 8 นำเอาเรื่องราวของผู้คนในยุคนี้ และประเด็นในสังคมมาผูกโยง สร้างปูมหลังให้กับตัวละครที่เข้ามา “ติดลูป” ได้เป็นอย่างดี จากตัวละครในเกมซึ่งไม่มีที่มาทีไป นอกจากเดินดุ่ม ๆ หาทางออก กลายมาเป็นผู้ชายโลเล ไม่กล้าตัดสินใจ เมินเฉยต่อความช่วยเหลือของคนในสังคม
หรือพนักงานออฟฟิศที่วัน ๆ ชีวิตวนเวียนอยู่กับการตื่นเช้า ขึ้นรถไฟใต้ดินที่เบียดเสียดยัดเยียดไปทำงาน พอตกเย็นก็ต้องมาเจอสิ่งเดิม ๆ วนลูปอยู่แบบนี้จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า ชีวิตที่เป็นอยู่มันสมควรแล้วหรือ
“ปม” ต่าง ๆ เหล่านี้ที่ผู้เขียนบทนำมาใส่ในหนัง นอกจากจะรีเลทกับคนในสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดีแล้ว นิสัยใจคอของตัวละครยังเหมาะแล้วกับการที่ต้องมาวนเวียนหาทางออกจากลูปที่เกิดขึ้นเพราะความโลเลของตัวเอง และการใช้ชีวิตที่จำเจซ้ำซากอยู่แบบเดิมทุกวัน
เรื่องย่อ Exit 8
ระหว่างที่ The Lost Man ขึ้นรถไฟใต้ดินกลับบ้านตามปกติ เขามักจะใส่หูฟังตัดเสียงรบกวนจากภายนอก อีกทั้งยังทำไปเพื่อ “ปิดการรับรู้” ในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากจะเข้าไปยุ่งด้วย ระหว่างนั้นเขาได้รับโทรศัพท์จากแฟนเก่าที่โทรมาบอกว่าตัวเองท้อง และถามว่าจะเอายังไงดี
The Lost Man ลงจากรถไฟ เดินไปตามทางออกเหมือนปกติ ก่อนจะพบว่าตัวเองติดลูป เดินวนอยู่ในเส้นทางเดิมซ้ำ ๆ จนได้ไปเห็นป้ายเขียนบอกกติกาเอาไว้ว่า “อย่ามองข้ามความผิดปกติ ถ้าเห็นให้หันหลังกลับทันที แต่ถ้าไม่เห็นให้เดินต่อไป ทางรอดเดียวคือทางออกหมายเลข 8”
‘คนดู’ กลายเป็น ‘คนเล่นเกม’ ซะเอง
Exit 8 เป็นผลงานการกำกับของ เก็งคิ คาวามุระ ( Genki Kawamura) ผู้กำกับ ผู้เขียนบท และโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ดัง ๆ หลายเรื่อง เช่น เขียนบท April, Come She Will และ If Cats Disappeared From the World เป็นโปรดิวเซอร์ ภาพยนตร์ Monster (ของฮิโรคาสุ โคเรเอดะ), Your Name ของมาโกโตะ ชินไค, Attack on Titan: End of the World, Parasyte Part 1 และ Part 2
ส่วนผลงานด้านการกำกับ เก็งคิ คาวามุระ เคยกำกับภาพยนตร์ A Hundred Flowers มาแล้วเรื่องหนึ่งก่อนจะมากำกับ Exit 8
ในส่วนของนักแสดงได้ดาราแถวหน้าของญี่ปุ่นอย่าง นิโนะมิยะ คาซึนาริ หรือ Nino วง Arashi มารับบท The Lost Man ร่วมด้วย โคมัตสึ นานะ ในบท The Woman
Exit 8มาในสไตล์หนังญี่ปุ่นจ๋า นั่นคือ นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่พูดมาก ไม่แสดงอารมณ์ฟูมฟาย ก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัด กดดัน ตึงเครียด แต่ถ้าคุณชอบดูหนังแนวนี้ การถ่ายทำแบบใช้มุมกล้องแทนสายตาตัวละครที่ทำให้เรามองเห็นแบบเดียวกับ The Lost Man จดจำได้ว่าต่อไปต้องเจอกับอะไร จนกลายเป็นการจดจ่อกับทุกรายละเอียดที่ปรากฏขึ้นบนจอเพื่อหาความผิดปกติ
บวกกับการคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำให้คุณทั้งเครียด ทั้งหวาดระแวงไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้เล่นเกมนี้ด้วยตัวเอง
Exit 8 เป็นหนังแนวเขย่าขวัญสั่นประสาทที่สอดแทรกประเด็นเรื่องความโลเล การเลือกที่จะเมินเฉยต่อสิ่งที่ควรกระทำแล้วมารู้สึกผิดในภายหลัง การไม่สนใจกันของคนในสังคมได้ออกมาแบบเรียบง่าย ตรงไปตรงมา
“การมองเห็นสิ่งผิดปกติแล้วหันหลังกลับ” ในเกม ก็เปรียบได้กับ “การมองเห็นสิ่งผิดปกติในสังคม” แล้วยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่เพิกเฉย มันจะทำให้คุณไม่เกิดความรู้สึกผิดในใจ (moral guilty) ขณะที่การกล้าตัดสินใจในเรื่องที่ควรจะทำ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณไม่ติดลูปอยู่กับความคิดเดิมซ้ำ ๆ และสามารถหาทางออกในชีวิตเจอนั่นเอง
สามารถรับชม 'Exit 8 - ทางออกหมายเลข 8' ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์