โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

โควิดปลุก "เมดิคอลทัวริสซึ่ม" ตปท.จ่อเข้าไทย-โอกาสทอง รพ.เอกชน

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 08 พ.ค. 2563 เวลา 09.10 น. • เผยแพร่ 08 พ.ค. 2563 เวลา 09.07 น.
นายแพทย์บุญ วนาสิน

“หมอบุญ” คาดโควิด-19 ปลุกเมดิคอลทัวริสซึ่มบูม หลังไทยรับมือเจ๋งติดอันดับ 6 ของโลก พร้อมสร้างดีมานด์ดูแลสูงวัยกลุ่มเสี่ยง แย้มเพื่อนบ้าน-ตะวันออกกลางรอคิวเข้าไทยหลังเปิดประเทศ แต่ต้องจับตาต้นทุน รพ.เอกชนพุ่ง ผุดแผนดึงเทคโนโลยีเอไอ-เทเลเมดิซีน ผู้ป่วยวอล์กอิน พร้อมเน้นบริการสุขภาพ-ป้องกันโรครับมือผู้ป่วยต่างชาติลด

นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางของธุรกิจสถานพยาบาล หลังเหตุการณ์โควิด-19 ว่า จากความสำเร็จของไทยในการควบคุมจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ทั้งจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่ลดลงต่อเนื่อง และผู้ติดเชื้อที่รักษาหาย จนได้รับการประเมินความสามารถในการรับมือกับโรคระบาดได้ดีเป็นอันดับ 6 ของโลก จะเป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับชาวต่างชาติ และย้ำภาพเมดิคอลฮับของอาเซียนให้เด่นชัดขึ้น

โดยส่วนตัวเชื่อว่า หลังจากนี้จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางมารักษาพยาบาลในไทย หรือเมดิคอลทัวริสซึ่ม จะเติบโตขึ้นจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติเติบโตเพียง 7-8% ต่อปี หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่เคยเติบโตถึง 15-18% ต่อปี โดยผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในตะวันออกกลาง ถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น สะท้อนจากการประสานงานจากสถานทูตในตะวันออกกลางขอนำผู้ป่วยเข้ามารักษาในไทย หลังยกเลิกมาตรการห้ามเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นโอกาสของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และสถานพยาบาลเอกชน

อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งก็สร้างความท้าทาย โดยเฉพาะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากมาตรการ-อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เช่น ตัวกรองอากาศ ระบบฆ่าเชื้อ ฯลฯ จากเดิมที่จะมีเฉพาะในห้องผ่าตัด-ห้องทำฟัน เนื่องจากอาจมีผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการแฝงอยู่ เช่นเดียวกับฝั่งผู้บริโภคที่จะระมัดระวัง และมีวินัยในการรักษาสุขอนามัยเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดกิจกรรมนอกบ้าน และรักษาระยะห่างทางสังคม

ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการต้องนำนวัตกรรมทางการแพทย์ และกระบวนการการทำงานใหม่ ๆ มาปรับใช้ อาทิ เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อ เทคโนโลยีลดระยะเวลาในการอยู่โรงพยาบาล ฯลฯ ตลอดจนเกิดบริการใหม่ ๆ เช่น เทเลเมดิซีน หรือการแพทย์ทางไกล, บริการส่งยา หรือฉีดวัคซีนที่บ้าน เป็นต้น

สำหรับกลุ่มธนบุรีเฮลท์แคร์จะมุ่งปรับการให้บริการเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยมุ่งลดจำนวนและระยะเวลาที่ผู้ป่วยนอกที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลลง 50% เช่น ลดจาก 6 ครั้ง เหลือ 3 ครั้ง หรือนัดให้มาก่อนเวลาเพียง 30 นาที จากเดิม 60 นาที เพื่อลดความหนาแน่นภายในโรงพยาบาล ด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เอไอช่วยวินิจฉัยโรค, เทเลเมดิซีน, หุ่นยนต์ ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทใช้งบประมาณ 5-6% ของรายได้เพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังเพิ่มความปลอดภัยของบริการสำหรับผู้สูงอายุ เช่น มาตรการ elderly protection zone ในโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ โดยบุคลากรจะต้องผ่านการตรวจโรคโควิด-19 และพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ออกเวร คัดกรองผู้เข้า-ออกอย่างเข้มงวด รวมถึงพื้นที่เข้าเยี่ยม โดยยึดหลัก social distancing ส่วนโรงพยาบาลบางแห่งในเครือ เช่น ธนบุรีบำรุงเมือง ซึ่งได้รับผลกระทบเนื่องจากเดิมมุ่งรับผู้ป่วยต่างชาติเป็นหลักถึง 90% ของผู้ป่วยทั้งหมดนั้น รับมือด้วยการหันมาเน้นด้านบริการสุขภาพองค์รวม และการป้องกันโรคแทนเพื่อสร้างรายได้ในช่วงนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...