"เชื่อในสิ่งที่อยากเล่า" สู่หนังแห่งปีของ 4 ผู้กำกับรุ่นใหม่
ภาพยนตร์เรื่อง "หลานม่า" ยังกวาดรางวัลไม่หยุด ล่าสุด "พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์" ผู้กำกับหนุ่ม เดินสายขึ้นเวทีอีกครั้งรับ Grand Jury Prize รางวัลสูงสุด ในงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์ไทยยอดเยี่ยมชมรมวิจารณ์บันเทิงครั้งที่ 33 ประจำปี 2567
"หลานม่า" ถูกวิเคราะห์โดยนักวิจารณ์ว่า ฉีกขนบหนังไทยขายขำ มาเป็นเรื่อง "คนแก่กับเด็ก" มีฉากอาม่ากับพี่ชาย ย้ำสิ่งที่หล่อหลอมคนในครอบครัวคนจีน ทั้งเรื่องเพศ บริบทคนใน คนนอกครอบครัว ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ทำให้คนเอาเปรียบกัน เป็นหนังที่ดูแล้วไม่เหมือนเรื่องแต่ง น้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว
ภาพจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง
นี่คือหนังยาวเรื่องแรกของ "พัฒน์" ที่ไปไกลถึง 15 เรื่องสุดท้ายชิงออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ส่งพลังให้อยากทำเรื่องต่อไปให้ดีขึ้น โดยตั้งต้นจากสิ่งรอบตัวที่อยากเล่า แต่ต้องเป็นประเด็นที่คนอื่นอินเช่นกัน
ยังมีรางวัลภาพยนตร์ไทยแห่งปีที่ไม่ต้องลุ้น แต่มอบมงเลย 5 รางวัลให้กับ ตาคลี เจเนซิส, วิมานหนาม, เชคสเปียร์ต้องตาย, อํานาจ ศรัทธา อนาคต และหลานม่า กว่าครึ่งคือผลงานผู้กำกับรุ่นใหม่วัยเลข 3 ที่เพิ่งก้าวสู่อุตสาหกรรม ความสำเร็จของพวกเขากำลังจุดประกายคนรุ่นต่อไป
พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า (ภาพจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง)
พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับภาพยนตร์ "หลานม่า" กล่าวว่า พยายามตั้งใจทำหนังของตัวเองให้ดีที่สุด และรู้สึกดีใจที่วงการนี้ยังมีความเหนียวแน่น
ดูเหมือนว่ามีคนที่อยากทำหนังเพิ่มขึ้น โดยได้แรงบันดาลใจจากเรื่องใกล้ตัวของตัวเอง
พัฒน์ ยังเผยถึงหนังเรื่องต่อไป ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มเขียนจริงจัง แต่พยายามคิดไอเดีย จากเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เรื่องที่ครอบครัวพบเจอ โดยตั้งต้นจากประเด็นที่น่าสนใจ หรือมีประเด็นที่คนอื่น ๆ บนโลกใบนี้อาจจะรู้สึกเหมือนกัน
หนังแห่งปีโดยผู้กำกับเจนใหม่ยังมี "วิมานหนาม" หนังยาวเรื่องแรกของ "บอส นฤเบศ กูโน" หลังกระโดดข้ามสายมาจากซีรีส์วัยรุ่นปัง ๆ ทั้ง "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" และล่าสุดกับ "GELBOYS" การแย่งชิงสวนทุเรียน และเรื่องกฎหมายสมรสเท่าเทียม ของ "วิมานหนาม" คือประเด็นที่ "บอส" อยากเล่า แต่ก็กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะทำ เพราะมีเสียงเตือนว่าเนื้อหาเครียด ๆ เป็นยาขมในตลาดภาพยนตร์ไทย แต่ในที่สุดความสำเร็จของหนังก็ย้ำว่าการสื่อสารในสิ่งที่เราอินทำให้มาถูกทางแล้ว
นฤเบศ กูโน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง วิมานหนาม (ภาพจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง)
นฤเบศ กูโน ผู้กำกับภาพยนตร์ "วิมานหนาม" เปิดเผยว่า เรื่องที่สนใจเป็นหนังชีวิต ดรามา แต่มีคนทักเยอะด้วยความเป็นห่วงว่าหนังเรื่องนี้จะทำเงินได้หรือไม่ หรือคนไทยอาจจะไม่ดูหนังเครียด จึงพยายามคิดไอเดียอื่น เพราะแคร์คนดู แต่ขณะเดียวกันก็แคร์ว่าเราอยากเล่าอะไรด้วย
ระหว่างทางคิดว่าจะมีคนดูไหม แต่เรารู้ว่าเราอยากเล่า มันมีความเป๋นิด ๆ มีความไม่มั่นใจตลอดเวลา พอวันที่หนังฉายแล้วคนชอบ รู้สึกเหมือนปลดล็อก
ผู้กำกับภาพยนตร์ "วิมานหนาม" แนะนำผู้กำกับรุ่นต่อ ๆ ไปให้เริ่มต้นจากสิ่งที่ชอบและสิ่งที่อยากทำ โดยระหว่างทางให้ดูกระบวนการหรือวิธีการว่าจะใช้เครื่องมือใดเพื่อนำไปสู่เส้นชัย
ส่วนที่ขมยิ่งกว่าคือ "หนังสารคดี" แถมยังเป็นเรื่องการเมือง ไม่บ่อยที่จะได้เข้าโรงหนังและเป็นกระแส แต่ "อํานาจ ศรัทธา อนาคต" ทำได้ จึงเป็นสารคดีเรื่องเดียวที่ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 5 ภาพยนตร์แห่งปี 2567 ของชมรมวิจารณ์บันเทิง ผลงาน 2 ผู้กำกับหนุ่ม "เอก เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์" และ "สนุ้ก ธนกฤต ดวงมณีพร" ที่ใช้เวลาถึง 6 ปี บันทึกเหตุการณ์ยุบพรรคอนาคตใหม่
ภาพจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง
นักวิจารณ์ในงานรางวัล ชี้ว่า "ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่กับจุดยืนของหนัง การบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้เป็นความสำคัญที่ภาพยนตร์ไทยสามารถทำได้" แม้ในสตรีมมิงค่ายแดงดูได้แค่ในไทย แต่กำลังส่งออกเพื่อการศึกษาบริบทสังคมไทยในต่างประเทศ
เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์ - ธนกฤต ดวงมณีพร ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดี "อํานาจ ศรัทธา อนาคต" ระบุว่า การถูกวาง (ในเวทีรางวัล) ร่วมกับหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นคนแสดง มันกำลังบอกว่าหนังสารคดีมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับหนังฟิกชันเรื่องอื่น ๆ โดยตั้งเป้าทำหนังเรื่องนี้เพื่อให้คนในอนาคตได้ดูว่าคนยุคเราผ่านอะไรกันมาและความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ ณ ขณะนั้นเป็นอย่างไร
การได้เข้าชิงรางวัลหรือการได้รางวัล เหมือนเป็นการสแตมป์ Stamp ให้อายุของหนังเรื่องนี้มันยืนขึ้น
เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์ - ธนกฤต ดวงมณีพร ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีเรื่อง อํานาจ ศรัทธา อนาคต (ภาพจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง)
ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดี "อํานาจ ศรัทธา อนาคต" ตั้งใจผลักดันให้หนังเรื่องนี้ไปอยู่ในห้องสุดของมหาวิทยาลัยในประเทศฝั่งตะวันตก เพื่อให้ชาวต่างชาติทำความเข้าใจบริบทการเมืองของไทย หรือของประเทศในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คนทำหนังรุ่นใหม่ "เชื่อในประเด็นที่อยากเล่า" และกล้าฉีกกรอบความสำเร็จเดิมของหนังไทย ปีหลังมานี้จึงได้เห็นรสชาติที่แตกต่าง กว้างขึ้นกว่าการวนอยู่กับหนังผี หนังตลก ที่เคยเป็นภาพจำ
อ่านข่าว
"หลานม่า" คว้า 9 รางวัล - "วิมานหนาม" 5 รางวัล สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 33
จากคมดาบ สู่ AI สงครามเปลี่ยน แต่โลกยังหวัง "สันติภาพ" ไม่เปลี่ยน