โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

เขื่อน ภัทรดนัย เปิดใจเหตุหย่าร้าง ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดในชีวิตรัก

News In Thailand

อัพเดต 21 ก.ค. เวลา 08.14 น. • เผยแพร่ 21 ก.ค. เวลา 08.12 น. • ทีมข่าวสยามนิวส์
เขื่อน ภัทรดนัย เปิดใจเหตุหย่าร้าง ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดในชีวิตรัก

เรียกได้ว่า เป็นนักร้องอีกคนที่มีแฟนๆติดตามกันเยอะมากเพราะความน่ารัก อย่าง เขื่อน ภัทรดนัย อดีตสมาชิกวง K-OTIC หรือ หลายคนจำภาพได้ว่า เขื่อน K-OTIC นั่นเอง ที่ล่าสุดเจ้าตัวไดออกรายการ Prime Cast พร้อมเปิดใจ ในบางช่วงที่เผชิญกับความเจ็บปวดในชีวิตรัก การหย่าร้าง และการเติบโตทางจิตใจ โดยได้เผยว่า

ความสัมพันธ์ในอดีตการแต่งงาน

เขื่อน : อดีตสามี คนงงเยอะมาก สรุปแต่งงานแล้ว หย่าแล้วเหรอหรืออะไร เพราะว่าสุดท้ายแล้วมีแฟนกี่คน หน้าคล้ายกันหมด คนที่เคยแต่งงานด้วยคบกันประมาณ 3 ปีแล้วก็ตัดสินใจแบบแต่งงาน พอแต่งไปแล้วเราก็รู้สึกว่าดีอีกมุมหนึ่งอยากพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าเราดีพอ แต่พอแต่งแล้วเราเริ่มไม่รักตัวเอง เป็นตัวเองน้อยลง เราเอาความรู้สึกทุกอย่างมาก่อนยกเว้นตัวเอง แล้วให้ตัวเองเล็กลงเพื่อที่จะมีค่าพอที่จะอยู่ตรงนั้น จำได้ว่าวันที่บอกเลิกทุกอย่างมันฉุกละหุกมาก ไม่ใช่การทะเลาะกันแต่เหมือนเป็นไฟเย็น นิ่ง ๆ รู้สึกว่าคนนี้ที่เราแต่งงานด้วย ไม่ใช่คนที่เรา say yes ด้วยที่เราเข้าพิธีแต่งงานด้วย ก็เลยบอกเขาว่าเลิกกันเถอะนะ ตอนนั้นสมองมันคิดเร็ว ถ้าเลิกกับแฟนเราต้องเอาอะไรออกจากบ้าน เพราะเราอยู่บ้านเช่าด้วยกันด้วยความแบบจริตกะเทย เราบอกว่าไอเลิกกับยูนะ หันไปหยิบมอยเจอไรเซอร์ 1 กระปุกไม่หยิบอย่างอื่นเลย แล้วก็เดินออกมา

แล้วไม่เคยกลับไปบ้านอีกเลย กว่าจะเจอกันอีกก็ 4-6 เดือนที่กว่าเขาจะมาคุย แผลมันสะสมมาเรื่อย ๆ คือเด็กทั้งคู่แล้วกว่าจะมาตกตะกอนได้ ทั้งคู่ว่าวันนั้นเราน่าจะคุยกันอีกแบบหนึ่งหรือว่าอะไรผิดไปก็ผ่านมา 1ปีแล้ว เราไม่ได้อยู่บ้าน อยู่ที่อังกฤษ ไม่มีคนที่จะพักพิงได้ขนาดนั้น วันที่หย่าเพิ่งเริ่มเรียนปริญญาเอกแล้วก็เป็นนักจิตบำบัดฝึกหัดด้วยแล้วแผนกที่ต้องไปฝึกงานแผนกจากลา การสูญเสียคนรัก เพราะฉะนั้นคนไข้ที่เข้ามาคุยกับเราจะคุยเรื่องความรัก ตอนนั้นก็นั่งเกร็ง ชีวิตเราผ่านมาเยอะ แต่การหย่ากับสามี เพิ่งเคยเข้าใจว่าเราตื่นมาทุกวันแล้วมีคำถามตัวเองว่าฝันหรือเรื่องจริง ชีวิตที่มีความสุขขนาดนั้น ทำไมเราถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ โทรไปหาคุณแม่บอกว่าตัดสินใจแล้วว่าจะหย่า ปกติคุณแม่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่พูดคำเดียวว่ากลับบ้านลูก เหมือนเราสามารถกู้ทุกร่างที่แหลกของเราขึ้นมา รู้สึกว่าชีวิตเฮงซวย ชีวิตยากแต่มีคนที่รักเราอยู่ที่บ้าน ลุยต่อไปได้จนถึงวันนี้

ทุกวันนี้ยังมีเรื่องอะไรที่คาใจอยู่ไหม กับเรื่องที่เลิกกันในอดีต ถ้าย้อนกลับไปได้อยากถามอะไรตัวเอง

เขื่อน : ไม่อยากถามเขา เพราะรู้สึกว่าในฐานะแฟน ในฐานะอดีตคนที่แต่งงานกัน เราทำหน้าที่สามีที่ดีที่สุดแล้ว แต่อยากกลับไปบอกตัวเองว่ารักคนอื่นรักได้ เป็นคนเชิดชูความรักมาก รักคนอื่นได้แต่ต้องไม่ลืมรักตัวเอง อยากกลับไปคุยกับตัวเองแล้วตบหลังว่าจะบ้าผู้ชายจะรักใครแต่อย่าลืมรักตัวเองด้วย ถ้าคนอื่นเขาให้ความรักเราได้ เขาก็เอาคืนไปได้เช่นกัน วันที่เขาไม่ได้อยากได้สิ่งที่เขาอยากได้ คล้าย ๆ เอาความรักที่เขาให้เราคืนไป แล้วเราก็จะพยายามหาอะไรไปแลกเพื่อได้ความรักนั้นคืนมา เรียกทฤษฎีนี้ว่า Self-love 30-70 ถ้าเราเป็นคนที่รักตัวเองได้แค่ 30% เราต้องหาอย่างอื่นมาถมให้รู้สึกเป็น 100% ต้องมีแฟน ต้องปังในโซเชียล แล้วจะรู้สึกคอมพลีท ถ้าเกิดเรารักตัวเองได้แบบ 100% หรือ 90% อะไรดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตนะมันคือ กำไรล้วน ๆ

เรื่องรักที่บางคนเจอความรักที่เป็นแพทเทิร์นคนเดิม ๆ จะก้าวผ่านยังไง

เขื่อน : เราชอบบอกว่าทำไมเราถึงดึงดูดแพทเทิร์นคนเดิม ๆ เราไม่ได้ดึงดูดเขา แต่วิ่งหาอะไรที่มาเติมเต็มเราที่รู้สึกว่ามาเป็นความรักให้เรารู้สึกคอมพลีทได้ ต้องมองมุมกลับ เราชอบโทษว่าแบบมีแต่คนแบบนี้เข้ามาหาเรา จริง ๆ คนเข้ามาหาหลายแบบแต่เราอาจจะเปิดประตูให้คนรูปแบบนี้

ความสัมพันธ์ที่ Healthy ในนิยามของเขื่อนคืออะไร

เขื่อน: ณ วันนี้ในวัยนี้คืออยากให้เขารักทุกพาร์ทของเขื่อน ไม่ใช่แค่ว่าชอบเราเพราะเห็นว่าทำงานเก่ง เขาต้องรักในมุมที่ไม่ดีของเรา รักทุกพาร์ทที่เป็นเรา

ตอนนี้ความรักที่มีอยู่เป็นแบบนี้หรือเปล่า

เขื่อน : แฮปปี้มาก พอหย่า พอมีแฟนแล้วจะกลายเป็นออกซิเจนน่ะ Hopeless Romantic สุด ๆ เราเชิดชูมาก แต่กลายเป็นพอหย่ากับอดีตสามี เราทำงานกับตัวเองเยอะมาก กลายเป็นคนที่มีกำแพงสูงมาก ก่อนที่มาเจอแฟนคนปัจจุบัน ต่อให้มีคนที่ดีเข้ามาเราก็จะหาอะไรที่ไม่ดีจนเจอ เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่านสุดท้ายความรักมันก็ต้องไม่รอดอยู่ดี กลายเป็น 4 ปี ที่แบบกำแพงเราสูงมากเราปกป้องตัวเองจนกลายเป็นเราป้องกันตัวเองจากสิ่งดี ๆ ด้วยเราไม่ให้สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต จนมาเจอลุงแมทหรือแฟนปัจจุบัน ก็คือเข้ามาแบบงง ๆ ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ชื่อตั้มกับโดม คืนนั้นไม่อยากออกด้วยคิดในใจว่าอยากทำงานเหนื่อยอยากนอน ไหน ๆ ก็ออกมาแล้วเอ็นเตอร์เทนเพื่อนสาว เห็นเขายืนอยู่ เราไปชมเขาว่าตาสวย แล้วก็วิ่งหนีเขาไปอีกวันนึงก็ไปงานที่เชียงรายแล้วก็ผ่านวัดสีน้ำเงิน มีคนบอกว่าวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์นะ ถ้าอยากขออะไรลองขอ เขื่อนเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ รู้สึกเฉย ๆ ก็พูดว่าถ้าเกิดแน่จริงก็ให้พี่เขามาจีบสิ พอหลังจากนั้นเขา dm มาไปกินข้าวกันไหม หลังจากวันนั้นที่ไปกินข้าวกัน ไม่เคยห่างกันอีกเลย ในอนาคตจะเป็นยังไงเราว่ากัน แต่ในวันนี้รู้สึกว่ามันดี รู้สึกว่าไม่ต้องพยายามมากกับความรัก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...