โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

วัดชายแดนไทยสร้างบังเกอร์หลบภัย ท่ามกลางเสียงปืนและศรัทธา

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 27 ก.ค. เวลา 06.35 น.
ท่ามกลางความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา วัดชายแดนไทยแปรสภาพเป็นพื้นที่ปลอดภัยด้วยบังเกอร์คอนกรีต เจ้าอาวาสยืนหยัดเคียงข้างโยมแม้เสียงปืนยังไม่จาง

วัดกลางสงคราม ความศรัทธาที่ยังไม่สั่นคลอน

ในขณะที่ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชายกระดับเป็นการใช้กำลังทหาร มีเสียงปืนและการโจมตีข้ามแดนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ผู้คนหลายหมื่นในจังหวัดสุรินทร์และพื้นที่ใกล้เคียงจำต้องอพยพจากบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่น วัดแห่งหนึ่งในอำเภอพนมดงรัก กลับเลือกอยู่กับที่

วัดซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนเพียงราว 10 กิโลเมตร ยังคงเปิดรับญาติโยมผู้ไร้ที่พึ่ง พร้อมพระภิกษุที่ยังจำวัดอยู่ แม้ในยามค่ำคืนจะเต็มไปด้วยเสียงปืนใหญ่และความไม่แน่นอน เจ้าอาวาสยืนยันว่าจะไม่ออกจากวัด เพราะการอยู่ต่อ คือการเป็นที่พึ่งสุดท้ายของชาวบ้านในพื้นที่

บังเกอร์ใต้ศรัทธา ทางออกกลางสมรภูมิ

หลังการปะทะระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชาในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่ เจ้าอาวาสตัดสินใจว่า วัดไม่อาจรอให้ภัยมาเคาะประตู จึงเริ่มโครงการก่อสร้างบังเกอร์คอนกรีตสำหรับใช้หลบภัยทันที

วัสดุที่ใช้ ได้แก่ท่อระบายน้ำคอนกรีตสำเร็จรูปเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร เสริมด้วยเหล็ก ดิน และแผ่นโลหะ โดยได้รับเงินบริจาคและแรงงานจากญาติโยมในพื้นที่ ก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเวลาเพียง 4-5 วัน

บังเกอร์แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงที่หลบภัยทางกาย แต่ยังเป็นจุดศูนย์กลางที่คนในชุมชนรู้สึกอุ่นใจ ภายในมีการแบ่งพื้นที่เป็นสองห้อง พร้อมติดตั้งระบบไฟฟ้า เครื่องครัวพื้นฐาน เช่น กาต้มน้ำไฟฟ้า หม้อหุงข้าว และอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการอยู่รอดในระยะยาว รองรับพระภิกษุได้ราว 6 รูป และชาวบ้านอีก 10 คนในแต่ละคืน

“ถ้าผมทิ้งไป โยมจะพึ่งใคร”

เจ้าอาวาสเผยว่า แม้จะมีความกลัวในสถานการณ์ที่ยังไม่มีวี่แววจะจบลง แต่เขาเลือกอยู่เพราะรู้ว่าการไม่ไปไหน คือการให้กำลังใจแก่ผู้ที่เหลืออยู่ “ถ้าผมไป โยมจะพึ่งใคร ก็ต้องอยู่ให้กำลังใจพระลูกวัดกับญาติโยม กลัวไหม ก็กลัว แต่จะอยู่ให้ได้นานที่สุด”

ท่าทีของเจ้าอาวาสไม่ได้เกิดจากความดื้อรั้นหรือท้าทาย แต่เป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความผูกพันต่อวัด และต่อชีวิตของผู้คนรอบข้างที่ยังไม่สามารถย้ายถิ่นฐานได้ ในแต่ละวัน เขาต้องคอยระวังไม่ให้ออกนอกบังเกอร์โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะการใช้ห้องน้ำที่ต้องดูให้แน่ใจว่าพื้นที่ภายนอกปลอดภัย

วัด ศูนย์พักพิงของคนและสัตว์

นอกจากการเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน วัดยังเป็นที่พักพิงของสุนัขจรจัดกว่า 10 ตัว ซึ่งยังใช้ชีวิตตามปกติภายในบริเวณวัด แม้เสียงระเบิดและปืนจะเป็นเรื่องปกติใหม่ของทุกชีวิตที่อยู่ที่นั่น แต่การเลือกไม่ทอดทิ้ง ไม่เพียงแต่แสดงออกถึงความเสียสละ แต่ยังตอกย้ำบทบาทของวัดในฐานะพื้นที่ปลอดภัยแห่งสุดท้าย

ช่วงเวลานี้ วัดได้งดกิจกรรมทางศาสนาและงานบุญเพื่อความปลอดภัย พระภิกษุที่ยังอยู่ทำหน้าที่ดูแลวัดและชาวบ้าน โดยพยายามรักษาโครงสร้างของชีวิตประจำวันให้เดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางเสียงปืน

ศรัทธาที่แข็งแกร่งกว่าคอนกรีต

ในพื้นที่ที่ความปลอดภัยไม่สามารถรับประกันได้ด้วยคำพูด วัดแห่งนี้กลายเป็นหลักยึดของผู้คน แม้ไม่มีเครื่องแบบ ไม่มีอาวุธ และไม่มีอำนาจในการเจรจาสันติภาพ แต่การยืนหยัดของพระรูปหนึ่งในบังเกอร์คอนกรีตเล็กๆ ได้แสดงให้เห็นว่า บางครั้งการปกป้องชีวิตคนอื่น ก็เริ่มต้นได้ด้วยการไม่ละทิ้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...