โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไม่มี ‘No Man’s Land’ มีแต่ดินแดนไทย ที่ยังไม่ปักปันเขตแดน

The Reporters

อัพเดต 07 มิ.ย. เวลา 03.29 น. • เผยแพร่ 07 มิ.ย. เวลา 03.29 น.

เปิดปมพิพาท 'สมรภูมิช่องบก' ชนวนเหตุกัมพูชายื่นศาลโลก โดยไม่สน MOU 43

ปมพิพาท 'สมรภูมิช่องบก' กลายเป็นชนวนเหตุที่รัฐบาลกัมพูชาเตรียมนำข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทยและกัมพูชาไปสู่ศาลโลก โดยไม่สนการเจรจาปักปันเขตแดนตามข้อตกลง MOU 2543

The Reporters รวบรวมข้อเท็จจริงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ช่องบก หรือสามเหลี่ยมมรกต ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อ 3 ประเทศระหว่างไทย-ลาว-กัมพูชา บริเวณ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กับ เมืองมูนละปะโมก แขวงจำปาสัก สปป.ลาว และ อ.จอมกระสานต์ จ.พระวิหาร กัมพูชา เนื้อที่ 12 ตารางกิโลเมตร

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2568 ทหารกัมพูชาก่อเหตุเผาศาลาตรีมุข หรือศาลรวมใจ ที่ไทยสร้างขึ้นในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ตั้งแต่ปี 2534 เพื่อใช้เป็นสถานที่ประสานงานของ 3 ประเทศ ก่อนจะรุกล้ำนำกำลังทหารเข้ามาในดินแดนของไทย และขุดคูเลก จนนำมาซึ่งการปะทะในวันที่ 28 พ.ค. 2568

ทำความเข้าใจสภาพพื้นที่ง่าย ๆ ว่า พื้นที่ช่องบก เป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน และไทยกับกัมพูชาได้ทำบันทึกข้อตกลง MOU 2543 เพื่อทำการปักปันเขตแดน โดยไทยและกัมพูชายึดตามเส้นแบ่งเขตแผนที่ที่บางจุดต่างกัน ซึ่งไทยยึดตามแผนที่ 1:50,000 ที่ทำโดยกรมแผนที่ทหาร ในขณะที่กัมพูชายึดตามแผนที่ 1:200,000 ที่ทำมาตั้งแต่สมัยสนธิสัญญาฝรั่งเศส และมีการกำหนดจุดวางกำลังทหารที่ปฏิบัติกันมา โดยทหารกัมพูชาตั้งฐานอยู่ห่างจากเส้นแบ่งเขตแดนที่ไทยยึดถือ ออกไป 1 กิโลเมตร ส่วนไทยตั้งฐานห่างจากเส้นเขตแดนออกมา 1.5 กิโลเมตร ซึ่งจุดนั้นมีฐานอนุพงษ์ของไทยตั้งอยู่

สำหรับศาลาตรีมุข ตั้งอยู่ห่างจากเส้นเขตแดนที่ไทยยึดถือไปในฝั่งกัมพูชา 500 เมตร แต่ที่ผ่านมา ไทยสามารถเข้าออกพื้นที่ศาลาตรีมุขได้เช่นกัน เพราะเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ปักปันเขตแดน และบริเวณนั้นไม่มีทหารประจำการ

เมื่อทหารกัมพูชาเผาศาลาตรีมุข ในวันที่ 28 ก.พ. 68 สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เพราะทหารกัมพูชาได้นำกำลังรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของไทย บริเวณต้นพญาสัตบรรณ ซึ่งตั้งอยู่ห่างเส้นเขตแดนมาในฝั่งไทย 150 เมตร และทหารกัมพูชาได้เริ่มขุดคูเลก เป็นแนวยาว 500-600 เมตร ระหว่างนั้นทหารไทยได้ประท้วงและเจรจาให้ทหารกัมพูชาได้นำกำลังถอยกลับไปยังที่ตั้งที่ได้ตกลงกันและยึดถือมาตั้งแต่ปี 2567 แต่ทหารกัมพูชาไม่ยอมถอย

ทำให้ในวันที่ 28 พ.ค. 68 จึงมีการปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทย เป็นเหตุให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย เพราะกัมพูชาละเมิดข้อตกลง นำกำลังรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของไทย สถานการณ์จึงตึงเครียดมากขึ้นตามลำดับ

ท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาที่จะนำปัญหาพิพาทที่ช่องบก รวมถึงปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตากระบือ และปราสาทตาเมือนโต๊ด ยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก และจะไม่นำข้อพิพาททั้ง 4 จุดนี้ หารือในคณะกรรมาธิการว่าด้วยการกำหนดเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ เป็นท่าทีที่สะท้อนว่า กัมพูชาไม่สนข้อตกลง MOU 43 อีกต่อไป

ประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะต่างจากท่าทีของไทย ที่ล่าสุดแถลงการณ์ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยืนยันว่า

"รัฐบาลไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และยืนยันการใช้กระบวนการเจรจาแบบทวิภาคีตาม MOU 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยเห็นพ้องร่วมกัน และยืนยันให้การประชุม JBC เป็นเวทีเพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีอย่างเร็วที่สุด"

จากข้อเท็จจริงในสมรภูมิช่องบก จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยต้องยืนยันในข้อเท็จจริง และการกระทำของทหารกัมพูชาในการรุกล้ำดินแดนไทย และละเมิดข้อตกลง จึงนำมาซึ่งการเรียกร้องให้มีการปรับกำลังในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายให้กลับสู่ที่ตั้งเดิมตามการปฏิบัติในปี พ.ศ. 2567 เพื่อลดเงื่อนไขการยกระดับความตึงเครียดและการเผชิญหน้า

แต่สุดท้ายกัมพูชาก็ไม่ยินยอม พล.อ.เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ประกาศว่าจะไม่ถอนกำลังกลับไปตามข้อเรียกร้องของไทย

สำหรับ MOU 2543 หรือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชา พ.ศ. 2543 เป็นบันทึกข้อตกลงที่ไทยกับกัมพูชาลงนามกันเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2543 มีขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดน

สถานการณ์ 'สมรภูมิช่องบก' จึงยังมีการเผชิญหน้าระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทย ที่มีความเสี่ยงต่อการปะทะที่จะนำไปสู่สงครามได้ตลอดเวลา ไทยจะทำอย่างไร ให้กัมพูชากลับมาเจรจาภายใต้กรอบทวิภาคี โดยไม่ฉีกข้อตกลง MOU 43 ในขณะที่กัมพูชาประกาศเดินหน้านำเรื่องสู่ศาลโลก ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตา!!!

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...