โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ประวัติศาสตร์ลึกลับของพระเขี้ยวแก้วแห่ง 'ศากยเจดีย์วัดพุทธมณเฑียร'

The Better

อัพเดต 20 พ.ย. 2567 เวลา 10.30 น. • เผยแพร่ 22 พ.ย. 2567 เวลา 04.40 น. • THE BETTER

ช้อมูลประกอบ - รัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เห็นชอบร่วมกันให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานที่กรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปีพ.ศ.2568 โดยเปิดให้ประชาชนสักการะระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 - 14 กุมภาพันธ์ 2568 รวมเป็นเวลา 73 วัน ณ ท้องสนามหลวง และจะอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568

จีนยังมีพระเขี้ยวแก้วที่อื่นอีกหรือไม่?
กับคำถามว่า "จีนยังมีพระเขี้ยวแก้วที่อื่นอีกหรือไม่?" นั้น คำตอบก็คือมี ไม่เฉพาะที่วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่งเท่านั้น เพียงแต่ของวัดหลิงกวงมีชื่อเสียงเลื่องลือมากกว่า

อีกแห่งที่มีพระเขี้ยวแก้ว คือ "เจดีย์ไม้อำเภออิ้ง" (應縣木塔) หรือชื่อทางการคือ "ศากยเจดีย์วัดพุทธมณเฑียร" (佛宫寺释迦塔) อยู่ที่อำเภออิ้ง มณฑลซานซี ประเทศจีน สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์เหลียว ในปีพ.ศ. 1599 เป็นเจดีย์ไม้ที่เก่าแก่ทีสุดในจีนที่ยังหลงเหลืออยู่ อายุกว่า 900 ปี ผ่านภยันตรายทั้งแผ่นดินไหว ศึกสงคราม และอัคคีภัยมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่มีเรื่องน่าสนเท่ห์อีกอย่างเกี่ยวกับเจดีย์นี้

ชาวอำเภออิ้งต่างเชื่อกันมานานว่า ในพระเจดีย์ไม้ จะต้องมีอะไรบางอย่างคอยปกปักษ์รักษาสถานที่แห่งนี้ไว้ จึงรอดพ้นจากการถูกทำลายมากครั้งแล้วครั้งเล่า

ที่จริงแล้วมีเรื่องประหลาดๆ เกี่ยวกับเจดีย์ไม้ ในปี 2509 ตอนนั้นการปฏิวัติวัฒนธรรมรุนแรงหนัก พวกเรดการ์ดบุกเข้ามาทำลายสิ่งของในเจดีย์ไม้ ทุบพระอุระพระพุทธรูปชั้นล่างพบภายในมีคัมภีร์โบราณมากมาย จึงนำออกมาเผานานถึงหนึ่งวันเต็มๆ จึงไหม้จนหมด เดชะบุญที่นายกฯ โจวเอินไหลทราบเรื่อง จึงสั่งให้พวกเรดการ์ดหยุดความบ้าคลั่งเสีย เจดีย์ไม้จึงรอดมาได้ แต่อีกหนึ่งเดือนต่อมา มีบุคคลปริศนามาจากอำเภอใกล้ๆ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพบกล่องใส่ของทำด้วยเงินบนชั้นสาม เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบพบในกล่องมีเหรียญเงินโบราณกับกระดูกเก่าๆ ชิ้นหนึ่ง

นี่คือพระธาตุชิ้นแรกที่พบ แต่ผู้คนยังไม่ทราบจึงไม่มีการตรวจสอบ แต่คาดว่า ผู้ที่พบคนแรกแล้วนำออกไปคงทราบว่ามีความสำคัญจึงลักลอบนำกลับมาซ่อนไว้อีก แล้วทำทีเป็นแจ้งเจ้าหน้าที่ให้นำมาเก็บรักษาไว้

ต่อมาในปีพ.ศ. 2517 มีการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระทันตธาตุ ที่พระอุระของพระพุทธรูปบนชั้นที่ 4 ของเจดีย์ เดิมนั้นถูกซ่อนไว้ แต่ช่างไม้ที่จ้างมาซ่อมลักลอบเจาะพระอุระ แล้วนำทรัพย์สมบัติออกไป ทว่า เจ้าหน้าที่สามารถติดตามนำกลับมาได้

พระธาตุรอดจากการถูกทำลายเพราะคนร้ายไม่เห็นว่าเป็นของมีค่า เป็นเพียงกระดูกเก่าๆ

พระทันตธาตุที่พบมี 2 องค์ ลักษณะคล้ายกับพระเขี้ยวแก้วที่วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง แต่ที่แปลกไปคือปรากฎแก้วสีแดงเรื่อเกาะอยู่ตามพระธาตุ พระธาตุทั้ง 2 องค์ไม่ได้เปิดเผยให้สักการะหรือให้คนทั่วไปได้ชม ทั้งยังมีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ถึง 3 ชั้น ต้องมีตำรวจเฝ้าควบคุมทุกครั้งที่มีการเปิด จึงไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายนัก แต่ที่น่าสังเกตคือ พระเขี้ยวแก้วในจีนที่วัดหลิงกวงและที่วัดฝอกง ต่างก็นำมาประดิษฐานโดยฮ่องเต้สมัยราชวงศ์เหลียวองค์เดียวกัน คือ พระเจ้าต้าวจง

นักวิชาการเชื่อว่า พระธาตุที่วัดหลิงกวงน่าจะเป็นของเดิม ที่พระมหาเถระต้าวเสวียน ได้รับจากพระสกันทะ เชื่อกันว่านำมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่ก็เชื่อกันอีกว่าน่าจะนำมาจากแคว้นอุทยานในชมพูทวีปมากกว่า ต่อมาประดิษฐานไว้ที่ฉางอัน สมัยเหลียวนำมาประดิษฐานไว้ที่ปักกิ่ง จนกระทั่งพบในกรุเมื่อปี 2443

แล้วพระทันตธาตุที่วัดฝอกงเล่านำมาจากที่ใด?

ในสมัยเหลียวนั้นเมืองหลวงคือต้าถง ห่างจากพระเจดีย์เพียง 85 กิโลเมตร ส่วนปักกิ่ง หรือเมืองเหลียวหนานจิง แม้จะเป็นราชธานีแห่งที่ 2 แต่ห่างไปประมาณ 250 กิโลเมตร และนักวิชาการต่างก็เชื่อว่า พระเจ้าซิ่งจงและต้าวจงสร้างพระเจดีย์ไม้อย่างวิจิตรอลังการ ก็เพื่อซ่อนพระบรมธาตุ โดยวางแปลนตามนัยโลกธาตุที่ปรากฎในอวตังสกสูตร ส่วนตัวแล้วผู้เขียนเชื่อว่าพระบรมธาตุที่เจดีย์ไม้ต้องมีนัยยะสำคัญมากแน่นอน

บทความและภาพถ่ายโดย กรกิจ ดิษฐาน บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...