จากหัวหินสู่ภูเก็ต PROUD ตอกหมุด ‘The Residences at InterContinental Phuket’ เจาะ Expat/Digital Nomad รับกระแสไหลเข้า Safe Haven
ภูเก็ตกลายเป็น "Safe Haven" ของ Expat และ Digital Nomad ทั่วโลก PROUD จับจังหวะ 'เอกซ์แพท' นับแสนทะลักภูเก็ต ลงทุน 2.7 ล้านขึ้นโครงการ “เดอะ เรสซิเดนเซส แอท อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ต” ตอกหมุด Rare Gem “หาดกมลา” เจาะกำลังซื้อโลก คาดปี 68 ปิดรายได้ทะลุ 7,000 ล้านบาท กลุ่มกำลังซื้อสูงยังแกร่ง แม้เศรษฐกิจโลกผันผวน
2 ธันวาคม 2568 - แม้จะเป็นบริษัทน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับบน แต่สามารถก้าวขึ้นติด Top 10 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี สำหรับ “พราว เรียล เอสเตท” ภายใต้การปลุกปั้นของคลื่นใหม่เจ็น 2 “ลิปตพัลลภ” อย่าง “พสุ ลิปตพัลลภ” และ “พราวพุธ ลิปตพัลลภ” ที่มองว่าตลาดลักชัวรี่ยังมีดีมานด์ต่อเนื่อง
ประเดิมด้วยโครงการแรก “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” (InterContinental Residences Hua Hin) ในปี “โควิด” พร้อมปิดการขายสวนเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบได้อย่างสวยงาม ก่อนจะเข้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับบนใน “กรุงเทพ” ทั้งแนวสูงและแนวราบ และล่าสุดก้าวเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตด้วยโครงการแรก The Residences at InterContinental Phuket Resort บนทำเล “หาดกมลา” ซึ่งผู้บริหารเชื่อว่าเป็นRare Gem แห่งใหม่ของภูเก็ต
PROUD ทะยานสู่ Top 10: เจาะกำลังซื้อสูงด้วย Branded Residence และกลยุทธ์ 'อยู่ยาว' ยุคโควิด
นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยถึงความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาว่า แม้บริษัทจะเป็นน้องใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการดำเนินงานที่มุ่งเน้นตลาดระดับบน ส่งผลให้วันนี้บริษัทฯ ติด Top 10 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในแง่ของรายได้ ผลประกอบการ และมูลค่าโครงการ
จุดเริ่มต้นที่สร้างความประหลาดใจในตลาดคือการเปิดตัวโครงการแรกในช่วงโควิด-19 นั่นคือ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” (InterContinental Residences Hua Hin) มูลค่า 3,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการ Branded Residence แห่งแรกของบริษัทฯ ราคาเฉลี่ย 2.5 แสนบาท/ตรม. ซึ่งทำยอดขายได้เกินคาด เพราะคนมีกำลังซื้อเลือกของที่ใช่
นายภูมิพัฒน์ ได้เล่าถึงเบื้องหลังความสำเร็จและวิเคราะห์ตลาดกำลังซื้อระดับบนอย่างน่าสนใจว่า “กำลังซื้อระดับบน เป็นกลุ่มที่ Luxury และค่อนข้างมีเงิน และของประเภท Branded Residence ไม่มีในตลาดมานาน” ประกอบกับพฤติกรรมการพักผ่อนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงโควิด-19 ที่เริ่มมี Online Meeting, Work from Home และ Staycation เกิดขึ้น ซึ่งคำเหล่านี้ไม่เคยมีมาก่อน
“แปลว่าการอยู่ยาวขึ้นในเมืองท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีเงิน แต่เรื่องของที่อยู่อาศัยไม่ง่ายและเลือกของที่ใช่เท่านั้น”
ปัจจัยสำคัญอีกประการคือการบริการหลังการขาย “และสุดท้าย Service สำคัญสำหรับกลุ่มนี้ ซึ่งแบรนด์ Branded Residence ตอบโจทย์ในแง่ของการใช้ชีวิตเปรียบเสมือนอยู่โรงแรมแต่เป็นห้องของตัวเองภายใต้การดูแลแบบโรงแรม ที่สำคัญคือการดูแลหลังโอนเพราะ Access จะมีค่าเมื่อมีการดูแลที่ดี”
ขยายพอร์ตแนวราบ-แนวสูง พร้อมใช้กลยุทธ์ 'เติมเต็มช่องว่าง' ด้วยโครงการเข้าซื้อ
หลังจากโครงการแรกประสบความสำเร็จ พราว เรียล เอสเตท ได้เดินหน้าเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการต่อมาคือ “เวหา” ที่หัวหินเช่นกัน ซึ่งมีราคาเบาลงมาเล็กน้อยเริ่มต้น 8-9 ล้านบาท แต่ยังคงจุดเด่นด้วยวิวทะเลพาโนรามิก ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จและทยอยโอนแล้ว
นอกจากโครงการแนวสูงแล้ว บริษัทยังได้ชิมลางตลาดบ้านเดี่ยวลักชัวรี่ในกรุงเทพฯ กับโครงการ “วีแอล อารีย์” (VL ARI) มูลค่า 500 ล้านบาท ราคาขายหลังละ 70-80 ล้านบาท เพียง 6 หลัง ซึ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิต ปัจจุบันขายและโอนไปแล้ว 5 หลัง และมีแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวจริงจังในชื่อ “วารัณณ์” (VARUNN) ต้นปีหน้า จำนวน 160 หลัง ราคาหลังละ 20 ล้านบาท บนถนนหอการค้า ซึ่งเป็นย่านที่กำลัง Popular มาก
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ คือ “รมย์ คอนแวนต์” (ROMM Convent) มูลค่า 4,150 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาล BNH ปัจจุบันทำยอดขายไปเกือบ 90% แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมโอนภายในพฤษภาคมปี 69 นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มที่หัวหิน และล่าสุดคือการเข้าซื้อ 2 โครงการคอนโดมิเนียมจากโนเบิล คือ Nue Cross คูคต และ Nue District R9
นายภูมิพัฒน์อธิบายถึงกลยุทธ์การซื้อโครงการที่สร้างเสร็จแล้วนี้ว่า “ทั้ง 2 โครงการเกิดจากการที่ในช่วงที่ทำโครงการคอนโดแรก มีช่องว่างในเรื่องของระยะเวลาที่จะขึ้นโครงการใหม่ 2 ปี เราจึงเติมเต็มช่องว่างนี้โดยการไปซื้อโครงการที่สร้างเสร็จแล้วและขายแล้ว” เพื่อให้ผลประกอบการเติบโตตามแผน 3 เฟส คือ
- Turnaround
- Big Growth/Big Jump
- Sustainable
ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงปลายเฟส 2 เข้าสู่เฟส 3
ตั้งเป้ารายได้ 7,000 ล้านบาท: ยืดหยุ่นรับมือความเสี่ยง พร้อมอัดฉีด 3,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินรับปี 69
สำหรับเป้าหมายด้านรายได้ นายภูมิพัฒน์เผยว่า “ปีนี้เราประมาณการรายได้จบที่ 7,000 ล้านบาท ปัจจุบัน 9 เดือนเรามีในมือ 5,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นใน Q4 คาดว่าจะทำรายได้เพิ่มอีก 2,000 ล้าน และน่าจะเป็นงบการเงินที่ดีที่สุดสำหรับเราในปีนี้”
ปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog ในมือสูงถึง 6,900 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณ 6,000 ล้านบาทในปี 69 และคาดว่าจะทำกำไรได้ดีเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นโครงการที่พัฒนาเอง เช่น รมย์ คอนแวนต์ และคาดว่ารายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวที่เปิดตัวจะสามารถรับรู้ได้ทันทีในปี 2027 อีก 2 พันล้านบาท
สำหรับการบริหารความเสี่ยงในปี 2569 ที่คาดว่าจะเป็นภาวะที่ต้องระวังตัวตลอดเวลา นายภูมิพัฒน์กล่าวว่า “ในการบริหารจัดการต้องมองทั้ง Downside และ Upside ตลอดเวลา ซึ่งการยืดหยุ่นพร้อมปรับแผนตลอดเวลาเป็น DNA ของพราวด์” พร้อมระบุว่าสำหรับปีหน้ายังคงเห็นตลาด Luxury ยังมี Demand แต่ใช้เวลาในการตัดสินใจนานขึ้น
“ข้อดีก็คือด้วยสภาวะแบบนี้ทำให้ Supply มีน้อย แบงก์ไม่ปล่อยกู้ทำให้เหลือ Developer ที่แข็งแรงเท่านั้น” และสำหรับปี 69 ซึ่งจะเป็นปีที่มีเงินสดเข้ามาเร็วและมาก บริษัทฯ มีแผนเร่งซื้อที่ดิน โดยมีงบในการซื้อที่ดิน 3,000 ล้านบาท กระจายในพื้นที่กรุงเทพฯ และภูเก็ต
ปักหมุดภูเก็ต: สร้างที่พักหายากภายใต้แบรนด์ IHG รับกระแส 'Expat' ทะลัก
ทางด้าน พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์การรุกตลาดภูเก็ตอย่างจริงจัง ว่าปัจจุบัน พราว สวม หมวก 2ใบคือ “พราว กรุ๊ป” ซึ่งทำธุรกิจโรงแรมและสวนน้ำ โดยในภูเก็ตมีโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลและสวนน้ำอันดามันนา (Andamanda) และในหัวหินมีโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลหัวหิน โรงแรมฮอลิเดย์อินน์และสวนน้ำวานานาวา ซึ่งดำเนินการมากว่า15 ปีแล้ว
ขณะที่หมวกอีกใบคือ “พราว เรียล เอสเตท” เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2019 เน้นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยระดับบน โดยมีทำเลยุทธศาสตร์ในหัวหิวและกรุงเทพฯ
และตอนนี้ขยายสู่ทำเลยุทธศาสตร์ใหม่ “ภูเก็ต” โดยใช้โมเดลเดียวกับหัวหินนั่นคือ "แบรนเด็ด เรสซิเดนซ์" (Branded Residences) ภายใต้ชื่อ The Residences at InterContinental Phuket Resort เป็นโครงการแรกในภูเก็ต
“ภูเก็ตเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากสำหรับ พราว เรียล เอสเตท ซึ่งปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตมีความคึกคักอย่างมาก มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
พร้อมชี้ให้เห็นว่าภูเก็ตกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเมืองท่องเที่ยวไปสู่การเป็นแหล่งพำนักระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติ “แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ จังหวะนี้เป็นจังหวะที่ภูเก็ตกำลังจะเปลี่ยนตัวเองจากเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวและ GDP หรือการสร้างรายได้ให้กับประเทศ
แต่นับตั้งแต่โควิดเป็นต้นมา สิ่งที่เราเห็นก็คือจำนวนชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในเมืองภูเก็ตระยะยาว โดยประชากรภูเก็ต 400,000 คน มีการประเมินกันว่าจำนวนเอ็กซ์แพต (Expat) ที่อยู่ในภูเก็ตมีเกือบแสน หรือ คิดเป็น 1 ใน 4”
ด้วยเหตุนี้ โครงการนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นโครงการที่พิเศษที่สุด “เราไม่ได้บอกว่าเป็นโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ริมหาดกมลา แต่เป็นการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในภูเก็ต โครงการนี้เป็นโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้แบรนด์และการบริหารของเครือ IHG”
โครงการนี้มีความพิเศษเนื่องจากเป็นเพียง 1 ใน 4 ของโครงการ InterContinental Residences ทั่วโลก และเป็นแห่งที่ 2 ของพราว เรียล เอสเตท “เพราะฉะนั้น โครงการนี้ไม่ใช่แค่ของหายากของภูเก็ต แต่พูดได้เลยว่าเป็นของหายากระดับโลก เพราะการจะได้มาซึ่ง InterContinental Residences ถือเป็นเรื่องยากมาก ๆ
ข้อแตกต่างคือ “InterContinental Residences Hua Hin” เป็นแบบ Stand-alone (โครงการที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้อยู่ติดกับโรงแรม) แต่ The Residences at InterContinental Phuket Resort นั้น ตัวโครงการอยู่ติดกับโรงแรม
ทำให้เห็นภาพชัดในเรื่องของกลุ่มเป้าหมาย โดยคนที่จะซื้อแบบ Stand-alone จะเป็นกลุ่มที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง ในขณะที่คนที่สนใจซื้อโครงการที่อยู่ติดกับโรงแรมเป็นกลุ่มคนที่อาจจะไม่ได้อยู่ประจำและต้องการที่จะมีบริการโรงแรมเข้ามา ให้บริการ (Service) และใช้ฟังก์ชันและสิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities) ของโรงแรมอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นจุดขายอันหนึ่งของโครงการของเรา”
หาดกมลา: อัญมณีที่ซ่อนเร้น (Hidden Gem) และ Prime Residential Area แห่งใหม่
พราวพุธมองว่าทำเล “หาดกมลา” คือ Hidden Gem หรืออัญมณีที่ซ่อนเร้นของภูเก็ต “เป็นหาดที่มีความเป็นไทยค่อนข้างเยอะ แต่ก็มีความเป็นเนเบอร์ฮูด (Neighborhood) ธรรมชาติสวยงาม” และด้วยข้อจำกัดด้าน Supply เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของราชพัสดุ ทำให้มีโครงการเปิดตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับบางเทา “สำหรับกมลานับตั้งแต่หลังโควิดมามีการเปิดตัวแค่ 3 โครงการ เพราะฉะนั้นกมลาจึงเป็น Rare Gem ของภูเก็ต”
ประกอบกับแผนการพัฒนา Infrastructure ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งอุโมงค์เชื่อมป่าตองไปกะทู้ และทางด่วนจากเมืองใหม่เกาะแก้วมากะทู้ จะช่วยหนุนให้การเข้าถึงเกาะตะวันตกง่ายขึ้น อีกทั้งในอนาคตอันใกล้จะมีโรงพยาบาลวัฒนแพทย์เปิดให้บริการ ทำให้กมลาซึ่งเป็นโลเคชั่นที่อยู่ตรงกลางระหว่างบางเทาและป่าตองจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูเก็ตตะวันตกและเป็น Prime Residential Area
โครงการ The Residences at InterContinental Phuket Resort มีมูลค่าโครงการรวม 2,700 ล้านบาท มีทั้งหมด 111 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 15-130 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในช่วง Presale มียอดขายแล้ว 20% และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมโอนภายในไตรมาส 3 ปี 2027
กลยุทธ์ 3 ขาเจาะตลาดโลก: ชูแบรนด์โรงแรมดึงลูกค้า Safe Haven กลุ่ม Digital Nomad และ Expat
พราวพุธอธิบายกลยุทธ์การตลาดที่เน้น 3 ส่วน คือ
- แฟนอินเตอร์คอนติเนนตัล
- กลุ่มลูกค้าเก่าของพราว เรียล เอสเตท
- เน็ตเวิร์กของเอเจ้นต์ในการเจาะตลาดต่างชาติ
“สำหรับลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่ไม่รู้จัก Developer ในไทย แต่สิ่งที่เขารู้จักคือแบรนด์โรงแรมระดับโลกอย่างอินเตอร์คอนติเนนตัล”
และยืนยันว่าโครงการนี้คือจุดแข็งที่สำคัญ “ในเทียร์ของแบรนด์ที่มาเปิด Branded Residence Top 3-5 แทบไม่มีเลย เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าเราเป็นหนึ่งในภูเก็ต และเราเป็นโรงแรมที่เปิดบริการแล้ว คนซื้อเห็นภาพชัดการบริการและการพัฒนาโครงการ”
ในภาพรวมตลาดโลก พราวพุธมองเห็นโอกาสจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนและสงคราม “ในภาวะที่ในโลกมีความไม่แน่นอนและสงครามที่เกิดขึ้น ต่างชาติยังคงมองประเทศไทยเป็น Safe Haven” โดยเฉพาะกลุ่ม Digital Nomad และ Expat ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการคาดการณ์ว่าปี 2025 จะมีมากกว่า 50 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นวัยทำงานอายุระหว่าง 34-37 ปี “ประเทศไทยติด Top Five เมืองที่อยากจะย้ายมามากที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าว่าใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเห็นความชัดเจนและมั่นคงได้ของกลุ่มนี้ค่อนข้างเยอะ”
นอกจากนี้ ลูกบ้านของโครงการนี้ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ระดับโลกจากเครือ IHG กว่า 7,000 แห่งทั่วโลก โดยจะได้ Reward Membership ระดับสูงสุด 2 ปี และ พราว พริวิเลจ โปรแกรม (Proud Privilege Program) ด้วย