โลกลุยฉายภาพยนตร์ ฟื้นธุรกิจ เมเจอร์ฯ ลุ้นรัฐคลายล็อกน์ โรงหนังเปิด ส.ค.
“โรงภาพยนตร์” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ถูกคำสั่งรัฐให้“ปิดบริการ” ชั่วคราวในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรอบล่าสุดปิดยาวถึง28 ก.ค.นี้และตลอดเวลากว่า1 ปีผู้ประกอบการยังปรับตัวต่อเนื่องไม่เพียงเพื่ออยู่รอดแต่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งรอวันตลาดกลับมาสดใสหลังโควิดคลี่คลาย
นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ้ปจำกัด(มหาชน) เบอร์1 ในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ฉายภาพธุรกิจปี2564 ยังต้องฝ่าวิกฤติโรคระบาดแต่ยังมองบวกเป็นปีแห่ง “โอกาส” เพราะกุญแจสำคัญคือคอนเทนท์“ภาพยนตร์” ที่จ่อคิวเข้าฉายจนถึงสิ้นปีเต็มไปด้วยหนังฟอร์มยักษ์ไม่ว่าจะเป็นแบล็ควิโดว์, เร็ว..แรงทะลุนรก(Fast&Furios9) เจมส์บอนด์(No Time to Die) คนเรียกผี(The Conjuring 3) ร่างทรงฯเฉพาะเดือนสิงหาคมหากโรงหนังกลับมาเปิดให้บริการได้จะมีหนังเข้าฉายราว10 เรื่อง
นอกจากนี้ไล่เรียงจนถึงสิ้นปีคาดว่าจะมีหนังเข้าฉายเฉลี่ยเดือนละ8-10 เรื่องเพื่อดึงคนดูโดยทุกค่ายยืนยันจะไม่มีการเลื่อนฉายแล้วเนื่องจากปัจจุบันตลาดเบอร์1 และเบอร์2 ของโลกทั้งสหรัฐและจีนโรงหนังกลับมาเปิดให้บริการปกติแล้ว
“โรงหนังในสหรัฐจีนกลับมาเปิดให้บริการ100% แสดงว่าหนังทุกเรื่องจากฮอลลีวู้ดจะเดินหน้าเข้าฉายเต็มที่ไม่รอตลาดอื่นแล้ว”
ขณะที่ประเทศไทยโรงหนังในกรุงเทพฯและปริมณฑลบางส่วนถูกปิดให้บริการสาขาที่ยังเปิดได้โดยเฉพาะอยู่ใกล้กรุงทพฯเช่นรังสิตสมุทรปราการกลับพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคยอมเดินทางไปดูหนังที่สาขาดังกล่าวมากขึ้น
“ปีนี้ธุรกิจโรงหนังยังไม่ถูกปิด 100% เทียบกับปีก่อน โดยปิดสูงสุดอยู่ที่ 60% สาขาต่างจังหวัด 40% ยังเปิดให้บริการได้ แต่ความท้าทายคือ ไทยยังปิดโรงหนังบางส่วน แต่เบอร์ 1-2 ลุยฉายหนังฟอร์มใหญ่แล้ว อาจทำให้มีการฉายเถื่อนส่งผลกระทบธุรกิจได้ ดังนั้นไทยต้องรีบนำหนังฮอลลีวู้ดเข้าฉายในโรงให้เร็วสุด”
ปี2564 นอกจากหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดกลยุทธ์ด้านคอนเทนท์ของเมเจอร์ฯได้ระดมหนังเอเชียทั้งจากจีนญี่ปุ่นเกาหลีมาเสิร์ฟคนดูเพราะที่ผ่านมาผู้ผลิตท้องถิ่นทุ่มทุนสร้างหนังเจาะตลาดทำรายได้มหาศาลโดยสิงหาคมมีหนังญี่ปุ่น12 เรื่องเกาหลี6 เรื่องและจีน3-4 เรื่องเสริมทัพเข้าโรง
นอกจากนี้ตลอด1 ปีเมเจอร์ฯยังปรับตัวอีกหลายด้านเพื่อประคองธุรกิจฝ่าห้วงเวลายากลำบากโมเดลที่โดดเด่นคือการจำหน่าย “ป๊อปคอร์น” ที่ขยายจากหน้าโรงหนังไปสู่เดลิเวอรี่เสิร์ฟอร่อยถึงบ้านออกสินค้าใหม่เพื่ออยู่บนชั้นวาง(เชลฟ์) ในซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งวิลล่ามาร์เก็ตและกูร์เมต์มาร์เก็ตซึ่งได้ผลตอบรับดีจากผู้บริโภค
ล่าสุดเมเจอร์ฯขยายร้านป๊อปคอร์นผ่านโมเดลจุดขายขนาดเล็กในชื่อ “Kiosk POPSTAR” อิงโรงภาพยนตร์ที่ทำรายได้ดี และเลือกทำเลใกล้ซูเปอร์มาร์เก็ตในการเปิดร้านเจาะกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันมี2 สาขาที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนและเมกาบางนาจนถึงสิ้นปีคาดว่าจะมีร้านไม่ต่ำกว่า10 สาขาลุ้นสร้างยอดขายแตะ200 ล้านบาทซึ่งยังไม่รวมยอดขายป๊อปคอร์นในโรงภาพยนตร์
“ป๊อปคอร์นกลายเป็นสินค้าขายดียอดขายมีการเติบโตทุกเดือนขณะเดียวกันตลาดเริ่มมีการแข่งขันสูงขึ้นบนเชลฟ์มีแบรนด์เข้ามาทำตลาดมากขึ้นทั้งของไทยและต่างประเทศร่วม10 แบรนด์”
ครึ่งปีหลังผู้ประกอบการลุ้นรัฐเคาะเปิดให้โรงหนังกลับมาทำธุรกิจได้ตามปกติเมเจอร์ฯจึงเตรียมแคมเปญโปรโมชั่นมากมายเพื่อต้อนรับลูกค้าให้กลับมาชมภาพยนตร์ทั้งมูฟวี่เดย์กลยุทธ์ราคา77 บาท88 บาท99 บาทรวมถึงเอาใจกลุ่มเป้าหมายที่ถือบัตรสมาชิกเอ็มพาสที่มีหลักแสนรายเป็นต้น
นอกจากนี้ยังปัดฝุ่นกลยุทธ์มูฟวี่ออนดีมานด์กระตุ้นยอดขายตั๋วสาขาต่างจังหวัดที่มีจำนวน1-2 โรงโดยเปิดให้ลูกค้าโหวตหนังที่ต้องการชมหากคะแนะโหวตถึง100 พร้อมเปิดฉายทันทีรวมถึงการลุยโปรแกรมชมภาพยนตร์แบบส่วนตัวเลือกภาพยนตร์ราคาจำนวนผู้ชมได้ตามต้องการ
ส่วนแผนการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ยังมีต่อเนื่องเช่นที่ชลบุรีกัมพูชาแต่ภาพรวมชะลอการลงทุนให้สอดคล้องสถานการณ์รวมถึงการแตะเบรกลงทุนสร้างหนังด้วยเดิมเมเจอร์ฯจะร่วมกับพันธมิตรผลิตหนังราว20 เรื่องป้อนคนดู
“หลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิดสูง แต่โรงหนังกลับมาเปิดให้บริการ เช่น อังกฤษ สะท้อนภาพนิว นอร์มัล ผู้บริโภคอยู่กับโรคระบาดได้ ส่วนธุรกิจโรงหนังในไทยจะอยู่ในทิศทางไหน ขึ้นกับนโยบายภาครัฐให้โรงหนังเปิดบริการเมื่อใด ปีนี้หากโรงหนังเปิดได้ จะมีคอนเทนท์หนังจำนวนมากเข้าฉาย ต่างจากปีก่อนไม่มีคอนเทนท์เลย”