โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เอสโฮเทลฯ ขยับแผนธุรกิจมุ่งลดต้นทุน-หาตลาดใหม่

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 22 มี.ค. 2563 เวลา 03.19 น. • เผยแพร่ 22 มี.ค. 2563 เวลา 03.18 น.

“เอส โฮเทลฯ” ปรับแผนธุรกิจรับมือโควิด-19 เผยเร่งลดต้นทุน มุ่งเจาะตลาดใหม่ คาดสถานการณ์คลี่คลายได้ในไตรมาส 3 ทันช่วงโกลเด้นวีก เตรียมอัดแคมเปญผ่านช่องทาง OTA กระตุ้นการเดินทางนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย พร้อมจ่อผนึกโฮลเซลปลุกตลาดยุโรปช่วงไตรมาสสุดท้าย มั่นใจรายได้รวมปี’63 ยังเติบโตได้

นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยว่า จากผลกระทบด้านการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์ใหม่จากการเดินหน้าทำการตลาดเต็มรูปแบบมาเป็นการปรับลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นลง ไม่ว่าจะเป็นการระงับการปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่จำเป็น การอนุญาตให้พนักงานหยุดงานโดยจ่ายเงินและไม่จ่ายเงิน รวมถึงการเจรจากับธนาคารเพื่อยืดหยุ่นการชำระหนี้ออกไปก่อนเพื่อรักษาสภาพเงินสดในแต่ละโรงแรม เป็นต้น

นายชัยรัตน์ กล่าวว่า นับตั้งแต่วิกฤตการณ์เรือล่มภูเก็ตเมื่อปี 2561 บริษัทเดินหน้าปรับสัดส่วนนักท่องเที่ยวของโรงแรมภายในเครือมาโดยตลอด จนปัจจุบันสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนของบริษัทลดลงจาก 12% เหลือ 6% ในขณะนี้ทำให้การลดลงอย่างรวดเร็วของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงต้นปีนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการของบริษัทมากนัก นอกจากนั้น บริษัทยังเชื่อว่าถ้าหากวิกฤตการณ์ยุติภายในไตรมาส 3 ของ ปีนี้ บริษัทน่าจะสร้างโอกาสจากการเดินทางช่วงกลางไตรมาส 3-4 หรือวันหยุดยาวโกลเด้นวีกของนักท่องเที่ยวจีนได้อีกระลอก หลังจากสูญเสียโอกาสช่วงตรุษจีนจากการแพร่ระบาดของไวรัสไป

อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตที่ได้ขยายวงออกไปในหลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงภูมิภาคยุโรปที่มีจำนวนลูกค้าเป็นสัดส่วนกว่า 38% ของบริษัท จึงวางแผนว่าหลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายจะเริ่มทำแคมเปญเพื่อสื่อสารทางการตลาดกับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียทันที เนื่องจากเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีการตัดสินใจค่อนข้างเร็วและสามารถเดินทางได้ทันที โดยมีช่องทางการเข้าถึงหลัก ๆ เป็นกลุ่มผู้ให้บริการด้านการจองที่พักและบริการท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) 

จากนั้นการสื่อสารทางตลาดกับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปจะตามมาในช่วงไตรมาส 4 จนถึงไตรมาส 1 ของปี 2564 ผ่านการใช้ช่องทางการขายผ่านโฮลเซล ซึ่งเป็นช่องทางหลักของตลาดนี้

“ต้องยอมรับว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะอิมแพ็กต์ต่อผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 1 อย่างแน่นอน แม้ว่าเดือนมกราคมของปีนี้โรงแรมทั้งในและนอกประเทศไทยจะเริ่มต้นได้ดีและมีสัญญาณว่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีก่อนในสถานการณ์ปกติ” นายชัยรัตน์กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแม้สถานการณ์ปัจจุบันจะกระทบกับรายได้ตลอดทั้งปีของเครือ แต่รายได้รวมทั้งปีจะยังคงเติบโตมากกว่าปีก่อน ส่วนจะมากหรือน้อยแค่ไหนต้องพิจารณาจากสถานการณ์อีกครั้ง

นายชัยรัตน์กล่าวด้วยว่า นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงปัจจุบัน บริษัทได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลายสัญชาติตัดสินใจยกเลิกและชะลอการเดินทาง ปัจจุบันสูญเสียรายได้ไปแล้วกว่า 50-100 ล้านบาท โดยเบื้องต้นลูกค้าที่มีอัตราการยกเลิกการจองสูงสุด คือ จีน รัสเซีย และเอเชีย โดยพื้นที่มัลดีฟส์ได้รับผลกระทบราว 46% ส่วนโรงแรมในประเทศไทยได้รับผลกระทบราว 50% โดยบริษัทได้แนะนำให้ลูกค้าที่ต้องการยกเลิกการจองทำการเลื่อนช่วงเวลาการเข้าพักออกไปเป็นช่วงไตรมาส 4 และไตรมาส 1 ของปีหน้า และเจรจาสำเร็จไปกว่า 50% 

นอกจากนี้ โครงการพัฒนาเกาะสัมปทานในมัลดีฟส์ 3 แห่ง ภายใต้ชื่อ “โครงการครอสโร้ดส์” ปัจจุบัน 2 เกาะแรกได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบและสามารถรับรู้รายได้แล้ว โดยมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยประมาณ 400 เหรียญสหรัฐ และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 34% ในปีแรกของการเปิดให้บริการราว 4 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเข้าสู่แผนงานของโฮลเซล

โดยมีอัตราการเข้าพักในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาสูงถึง 60% และ 80% ตามลำดับ รวมถึงพื้นที่ช็อปปิ้งอย่าง “เดอะ มารีน่า” ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวบริเวณโดยรอบมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในสถานการณ์ปกติ

“เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเราได้ขายหุ้น 50% ของโครงการครอสโร้ดส์ เกาะที่ 3 ให้กับบริษัท Wai Eco World Developer Pte หรือ EWD นักลงทุนชาวเมียนมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 16.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเกาะที่ 3 แห่งนี้จะพัฒนาเป็นโรงแรมที่ลักเซอรี่กว่า 2 เกาะแรก โดยมีอัตราค่าเข้าพักต่อคืนอยู่ที่ 900-1,000 เหรียญสหรัฐ และมีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเป็นผู้บริหารจัดการ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 3 ของปีนี้และแล้วเสร็จภายในปี 2565”

อนึ่ง ปัจจุบันโรงแรมในเครือของ SHRมีทั้งหมด 39 แห่ง 4,647 ห้อง ใน 5 ประเทศทั่วโลก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...