โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เมื่อติดโควิดแล้ว เป็นอีกได้หรือไม่?

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 20 พ.ค. 2563 เวลา 09.14 น. • เผยแพร่ 20 พ.ค. 2563 เวลา 09.14 น.
Photo by Loic VENANCE / AFP

คอลัมน์ สุขภาพดีกับรามาฯ โดย พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด

อาจมีหลายคนสงสัยว่า การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2) หรือที่เรารู้จักกันดีว่าโรคโควิด-19 นั้น สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้หรือไม่ หากเป็นแล้วจะมีภูมิคุ้มกันหรือไม่ วันนี้เราจะเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิจารณากันค่ะ

หลังจากที่เราได้รู้จักโรคอุบัติใหม่โควิด-19 ซึ่งขณะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก มีคนติดมากกว่าสี่ล้านคน และเสียชีวิตเกือบสามแสนรายแล้ว ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อหลักหลายพันคน และมีผู้เสียชีวิตและมีอาการหนักบางส่วน การตรวจวินิจฉัยและติดตามว่าหายจากโรคหรือไม่ ตามมาตรฐานขณะนี้คือการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสในร่างกายของมนุษย์ เช่น เสมหะ เยื่อบุจมูกหรือคอ และสารคัดหลั่งต่าง ๆ ด้วยวิธีทางโมเลกุล หรือเรียกว่า PCR (polymerase chain reaction) นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาการตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อเชื้อ โดยวัดระดับแอนติบอดี้ในร่างกาย ซึ่งนำมาใช้เป็นแนวทางประกอบกับการตรวจด้วยวิธีทางโมเลกุล และอยู่ในระหว่างการศึกษาเพื่อนำมาใช้วินิจฉัยและติดตามผลในอนาคตต่อไป

ในขณะนี้มีผู้ป่วยหลายรายที่อาจมีสารพันธุกรรมของไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งยังมีผลบวกเป็นเวลานาน หรืออาจจะมีผลลบแล้วบวกกลับขึ้นมาอีก มีรายงานในวารสารทางการแพทย์สากล มีรายงานจากประเทศจีนว่ามีผู้ป่วยหญิงอายุ 46 ปีที่หายจากโรคแล้ว ทำการตรวจด้วยวิธีทางโมเลกุลแล้วเป็นลบสองครั้งก่อนที่จะกลับมาเป็นผลบวกอีก แม้ว่าจะไม่มีไข้และอาการทั่วไปปกติดีแล้ว จึงมีความเป็นไปได้ว่า สารพันธุกรรมที่ตายแล้วยังอยู่ในระบบร่างกายและไม่ก่อให้เกิดเชื้อโรค

แต่ยังพอพบได้เมื่อใช้การตรวจด้วยวิธีทางโมเลกุลอย่างละเอียด (เอกสารอ้างอิงที่ 1) นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกฉบับ ที่มีผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 แล้ว อีกหกรายมาตรวจซ้ำแล้วมีผลการตรวจโดยวิธีทางโมเลกุล โดยสี่รายไม่มีอาการ หนึ่งรายมีอาการไอเล็กน้อย และอีกหนึ่งรายมีอาการที่ชัดเจน ได้แก่ เหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ไอมีเสมหะ เป็นต้น (เอกสารอ้างอิงที่ 2)

มีผู้ป่วยหลายรายที่มาตรวจหลังจากหายแล้ว ว่ามีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ แต่ขณะนี้ข้อมูลยังไม่เพียงพอที่จะบอกว่าภูมิคุ้มกันนี้จะมีไปนานเท่าไร ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่เป็นและหายแล้ว ปฏิบัติตัวตามมาตรการแยกตัวจากผู้อื่น (self-isolation) เป็นเวลา 30 วันนับจากวันแรกที่มีอาการ รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลและในสถานที่พักอาศัย เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว หากไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ให้ใช้มาตรการทางสังคมโดยรักษาระยะห่างทางกายภาพกับผู้อื่น (social distancing) สวมหน้ากากอนามัย ดูแลสุขอนามัยและสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงต่อไป หากมีอาการซ้ำให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม

แหล่งอ้างอิง

1.Chen D, et al. Recurrence of positive SARS-CoV-2 RNA in COVID-19 : a case report. International Journal of Infectious Diseases. March 2020.

2.Jiang, M. Recurrent PCR positivity after hospital discharge of people with coronavirus disease 2019 (COVID-19). Journal of Infectious Diseases. April 2020

หมายเหตุ : อ.พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...