โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

Others

ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก คุณต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไร

Businesstoday

อัพเดต 23 ม.ค. 2566 เวลา 13.50 น. • เผยแพร่ 23 ม.ค. 2566 เวลา 06.50 น. • Businesstoday

คู่สมรสที่ประสบปัญหามีบุตรยาก ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าภาวะมีบุตรยากนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน และหลายครั้งอาจเกิดจากพฤติกรรมของตัวเองหรือคู่สมรส ที่ทำให้ร่างกายไม่เอื้ออำนวยต่อการผลิตฮอร์โมนหรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิสนธิให้เกิดตัวอ่อนขึ้น ซึ่งถ้าหากมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้น ก็อาจทำให้ภาวะมีบุตรยากนั้นได้รับการแก้ไขอย่างได้ผล คำถามคือแล้วต้องปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง บทความนี้ก็มีคำตอบให้แล้ว ดังนี้

1.ไม่เครียด

หลายคนอาจไม่รู้ว่าความเครียดนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการมีบุตรเป็นอันดับแรกๆ เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อร่างกายเกิดความเครียดจะผลิตฮอร์โมนบางอย่างออกมาและกลายเป็นอุปสรรคต่อการมีบุตร อย่างในผู้หญิงพบว่าถ้าหากมีความเครียดมากๆ อาจทำให้ฮอร์โมนในร่างกายมีความเปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อการตกไข่ ที่จะทำให้เกิดความผิดปกติไป ทั้งยังอาจทำให้ปีกมดลูกเกิดการหดเกร็งได้ด้วย ซึ่งเป็นผลต่อการตั้งครรภ์โดยตรง

นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยออกมาด้วยว่าผู้หญิงที่กำลังรักษาภาวะมีบุตรยาก มักจะมีภาวะเครียดในระดับที่สูง การันตีได้ว่าความเครียดมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยากอย่างแท้จริง และไม่ใช่แค่ในร่างกายผู้หญิงเท่านั้นที่ความเครียดส่งผลต่อการมีบุตร เพราะในผู้ชายยังพบว่าถ้าหากมีความเครียดมากๆ จะมีผลต่อการสร้างอสุจิให้ลดน้อยลงด้วย

ดังนั้นพฤติกรรมที่ควรปรับเปลี่ยนก็คือพยายามลดความเครียดให้น้อยลง โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด อาจพึ่งพาสื่อบันเทิงช่วยลดความเครียดอย่างเช่นหนังและเพลง หรือการนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบก็ช่วยลดความเครียดได้เช่นกัน รวมถึงการออกกำลังกายก็ช่วยลดความเครียดได้

2.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

นอกจากความเครียดแล้ว การพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจทำให้ระบบการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ไม่ปกติได้เช่นกัน โดยในผู้หญิงพบว่าถ้าหากนอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมาในช่วงตกไข่ และอาจทำให้ไข่ไม่ตก หรือไข่ตกไม่สม่ำเสมอ ซึ่งก็จะมีผลต่อการตั้งครรภ์ ทำให้มีบุตรยาก นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ชายที่นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง ยังส่งผลให้คู่สมรสมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยลงด้วย

ดังนั้นพฤติกรรมที่ควรปรับเปลี่ยนเมื่อพบว่ามีภาวะมีบุตรยาก หากรู้ตัวว่ามีพฤติกรรมนอนดึกหรือนอนหลับไม่เพียงพอ ก็ควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงเป็นประจำ

3.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ปัจจัยต่อมาที่ส่งผลต่อการมีบุตรก็คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นไปได้ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย หากพบว่ามีพฤติกรรมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อาจส่งผลต่อฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการมีบุตร ในผู้ชายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้การดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุลดลง ทำให้อสุจิอ่อนแอหรืออาจจะผลิตได้ในปริมาณน้อยลง ส่วนในผู้หญิงนั้นจะทำให้เกิดภาวะไข่ไม่ตก ทำให้มีบุตรยาก ปรับเปลี่ยนโดยการงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าจะมีบุตรได้สำเร็จ

4.งดบุหรี่

ปัจจัยต่อมาที่ส่งผลต่อการมีบุตรก็คือบุหรี่ที่เต็มไปด้วยสารพิษ และมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ ทั้งยังพบว่าในผู้ที่สูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง จะส่งผลต่อโอกาสตั้งครรภ์ที่ลดลง ทำให้มีบุตรยากกว่าบุคคลทั่วไปถึง 3 เท่า

โดยในผู้ชายที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จะทำให้มีตะกั่วในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลให้สมรรถภาพทางเพศลดลงกว่าปกติถึง 3 เท่า อสุจิเคลื่อนที่ช้าและมีโอกาสปฏิสนธิต่ำลง อีกทั้งยังมีรูปร่างของอสุจิที่ผิดปกติ ไม่แข็งแรงหรือสมบูรณ์ และยังทำให้ผลิตน้ำเชื้อได้น้อยลงอีกด้วย ส่วนในผู้หญิงจะผลิตเซลล์ไข่ได้น้อยลง จึงควรปรับเปลี่ยนตัวเองโดยการงดสูบบุหรี่ เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์

5.ควบคุมน้ำหนัก

หากคู่สมรสคู่ไหนมีบุตรยากให้ลองพิจารณาดูว่าคู่สมรสมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวหรือไม่ ในผู้หญิงน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเกิดความไม่สมดุล และกระทบต่อการตกไข่ ทั้งยังทำให้มีโอกาสเกิดถุงน้ำเล็กๆ จำนวนมากบริเวณรังไข่ ส่งผลให้มีบุตรยากได้ ส่วนในผู้ชายหากมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป มีโอกาสที่จะเกิดชั้นไขมันที่โอบล้อมถุงอัณฑะและมีอุณหภูมิสูงขึ้น กระทั่งสามารถทำลายตัวอสุจิได้

ดังนั้นหากต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อแก้ปัญหามีบุตรยาก ลองสังเกตดูว่าคู่สมรสนั้นมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวหรือไม่ หากมีปัญหาเรื่องนี้ควรควบคุมน้ำหนักตัวให้ดี ด้วยการเลือกรับประทานอาหารหรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ

6.ลดเครื่องดื่มคาเฟอีน

เครื่องดื่มคาเฟอีนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการมีบุตร โดยพบว่าคาเฟอีนทำให้ผู้ชายหลั่งอสุจิได้น้อยลง จึงมีผลต่อการมีบุตร ส่วนในฝ่ายหญิงหากได้รับคาเฟอีนจะทำให้มีโอกาสแท้งบุตรได้ง่ายขึ้น โดยผลวิจัยเผยว่าไม่ควรรับคาเฟอีนเกิน 300 มิลลิกรัม/วัน หรือไม่ควรเกินวันละ 3 แก้ว ดังนั้นถ้าหากคู่สมรสคู่ไหนมีปัญหาเรื่องมีบุตรยาก แนะนำให้ลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาแฟอีนลง ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านั้น ได้แก่ ชา กาแฟ และน้ำอัดลม

7.ออกกำลังกายเป็นประจำ

สำหรับคนที่มีบุตรยาก หากปกติไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ควรปรับเปลี่ยนตัวเองให้ออกกำลังกายมากขึ้น เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้การทำงานในระบบต่างๆ มีความสมดุล และฮอร์โมนที่มีผลต่อการมีบุตร จะถูกผลิตออกมาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังช่วยลดความเครียด ซึ่งมีผลต่อการมีบุตรเช่นกัน นอกจากนี้ยังดีต่อเรื่องการควบคุมน้ำหนักตัว ช่วยให้มีบุตรง่ายขึ้น

นี่เป็นวิธีการปรับเปลี่ยนตัวเองเบื้องต้นสำหรับคนที่มีปัญหามีบุตรยาก โดยเลือกปรับพฤติรรมเสี่ยงที่สามารถทำได้ ลองพิจารณาดูว่าในคู่ที่มีบุตรยากทั้งหลาย มีปัจจัยเสี่ยงหรือพฤติกรรมตามที่กล่าวมาในเบื้องต้นหรือไม่ หากพบว่ามีปัจจัยเกี่ยวข้องให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้นดู เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากแก้ไขแล้วยังไม่เกิดผล แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทางจะดีที่สุด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...