เสียงของ ‘ปาณิส’: คำนิยมหนังสือ ‘ความฝันไม่มีวันนับได้’
1
ปาณิส: journalist ธรรมดาๆ
‘ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย’ เป็นนักเขียน เป็นสื่อมวลชน เป็นคนทำงานสารคดี
ผมจินตนาการถึงภาพ ‘ปาณิส’ เป็นอื่นไม่ออก เพราะตลอดเจ็ดปีที่ทำงานร่วมกันที่ ‘วันโอวัน’ (The101.world) ปาณิสแสดงออกถึงความมุ่งมั่นแบบ ‘เกินร้อย’ บนเส้นทางการทำงานสื่อมืออาชีพ (journalism) ที่มีการ ‘ฟัง-คิด-อ่าน-ถาม-เขียน’ เป็นเครื่องมือในการสำรวจโลกรอบตัวและโลกภายใน
ในยุคสมัยที่วงการสื่อสารมวลชนไทยขาดแคลน journalist แต่เต็มไปด้วยคอนเทนต์ครีเอเตอร์ นักประชาสัมพันธ์ นักโฆษณาชวนเชื่อ นักสื่อสาร นักเล่าเรื่อง และนักสรุปตัดแปะ คนสื่อพันธุ์หายากอย่าง ‘ปาณิส’ ก้มหน้าก้มตาทำงานในฐานะ journalist แบบมืออาชีพ ผลิตผลงานคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ คงเส้นคงวา ชิ้นแล้วชิ้นเล่า ปีแล้วปีเล่า เล่มแล้วเล่มเล่า
ปาณิสไม่ได้เป็นสื่อสูงส่ง ยกตัวยิ่งใหญ่เลิศเลอมาจากไหน เธอเพียงทำหน้าที่ปกติธรรมดาอย่างที่ journalist ปกติธรรมดาพึงกระทำ นั่นคือ การแสวงหา คัดสรร จัดวาง และนำเสนอ ‘ความจริง’ อันหลากหลายที่อยู่เบื้องหลัง ‘ข้อเท็จจริง’ สู่สาธารณะ
ที่วันโอวัน เราเชื่อว่าหัวใจของงานสื่อคือการนำเสนอข่าวสารข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และสังคม ส่วนความเป็นมืออาชีพของสื่อ คือการนำเสนอข่าวสารข้อมูลที่ ‘ใช่’ สู่สาธารณะ โดยมีกระบวนการทำงานตรวจสอบความถูกต้องที่มีลักษณะเป็นภววิสัย (objective) เป็นระบบ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ โปร่งใส ครบถ้วน รอบด้าน คงเส้นคงวา และมีความรับผิดชอบ (accountable) ต่อผู้อ่าน-ผู้ชม
น่าเสียดายที่วงการสื่อไทย มี journalist ธรรมดาๆ ซึ่งทำงานที่ควรจะเป็น ด้วยวิถีที่ควรจะเป็น ด้วยมาตรฐานที่ควรจะเป็น น้อยเกินไป สื่อที่ตัดสินใจเลือกปล่อยจอยลอยตามกระแสคลื่นไหลลงสู่ก้นเหวก็คงต้องว่ากันไปตามยถากรรมของใครของมัน ส่วนที่อดเศร้าใจไม่ได้ทุกครั้งที่รับรู้ คือชะตากรรมของเหล่า journalist มากแพสชั่นและเปี่ยมศักยภาพไม่ต่างจากปาณิส แต่ถูกภูมิทัศน์สื่อแบบไทยๆ และธุรกิจสื่อแบบไทยๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับโครงสร้างการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคมวัฒนธรรมแบบไทยๆ บดขยี้ทำลาย จนร่วงหล่น เจ็บปวด และล้มหายตายจากวงการและหลักอุดมการณ์ของตน
วันนี้ปาณิสเดินหน้าทำงานอยู่บนวิถี journalist มืออาชีพอย่างสง่างาม และผมหวังว่าวันหน้าปาณิสก็จะยังยืนหยัดทำงาน journalist อยู่ บนวิถีมืออาชีพยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยความสุขและความสนุก ด้วยแพสชั่นและการทำงานหนัก ดังที่เป็นมาตลอดชีวิตสื่ออาชีพกว่าทศวรรษของเธอ
ตั้งแต่ปาณิสเข้าทำงานที่วันโอวันเมื่อต้นปี 2561 ผมอ่านงานของเธอทุกชิ้น เวลานั่งเงียบๆ อ่านงานของปาณิสนิ่งๆ ผมได้ยิน ‘เสียง’ อะไรดังกังวานผ่านตัวหนังสือ?
สอง ‘เสียง’ ที่ดังฟังชัดอย่างหนักแน่นและทรงพลังคือ เสียงของ ‘ความฝัน’ และเสียงของ ‘ความหวัง’
2
ความฝัน คือ จุดหมายปลายทาง
ความหวัง คือ การเดินทาง
ความฝัน คือ จุดหมายปลายทาง
เสียงของความฝัน คือ เสียงแห่งอนาคต เป็นเสียงของตัวเรา ที่ร้องเรียกเราให้มุ่งหน้าไปสู่โลกใบใหม่ที่ดีกว่าเดิม
ณ จุดตั้งต้น ความฝันเป็นโลกในจินตนาการที่งดงามตามแบบของตัวเอง ความฝันเป็นเรื่องส่วนตัว ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะฝัน แม้ผู้ทรงอำนาจอยากกดทับควบคุมความฝันของใครมากเพียงใด ก็ทำได้แค่เพียงพยายาม เพราะอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่จะฝันอยู่ในมือเจ้าของความฝัน ถ้าตัดสินใจไม่เลิกฝัน ไม่ลดรูปลดทอนความฝัน สิทธิเสรีภาพที่จะฝันย่อมไม่มีวันถูกพรากไปได้
เมื่อถึงเส้นชัย ความฝันเป็นจริง โลกในจินตนาการกับโลกแห่งความจริงเคลื่อนบรรจบเข้าหากัน ความฝันไม่ใช่เรื่องแฟนตาซีอีกต่อไป ไม่ได้ลอยอยู่นอกโลกเหนือสังคม แต่ผูกโยงสัมพันธ์เป็นเนื้อเดียวกับความเป็นจริงใหม่ สัญญาประชาคมใหม่ สามัญสำนึกใหม่ ตัวตนใหม่ โลกใบใหม่ถูกสร้างขึ้นจนสำเร็จ เป็นโลกที่ดีกว่าเดิม รอคอยให้วงจรความฝันใหม่เริ่มต้นทำงานอีกครั้ง เพื่อมุ่งหน้าไปสู่โลกใบใหม่กว่า ที่ดียิ่งกว่า ดำเนินเช่นนี้เรื่อยไปไม่รู้จบ
ถึงตรงนี้ ความฝันไม่ได้เป็นแค่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป ความฝันเป็นเรื่องส่วนรวม แน่นอนว่าในความฝันของเราแต่ละคน มีครอบครัว มิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน ชุมชน สังคม โลก อยู่ในนั้นด้วยเสมอ แต่มากไปกว่านั้น เมื่อหนึ่งคนฝัน หลายคนฝัน ต่างคนต่างฝัน สังคมจึงเต็มไปด้วยความฝันอันหลากหลายที่มีคุณค่าความหมายในแบบของตัวเอง เช่นนี้แล้ว บนเส้นทางสู่จุดหมายปลายทาง ความฝันของเราย่อมต้องปะทะสังสรรค์และสัมพันธ์เชื่อมโยงกับความฝันของคนอื่น ฝันแต่ละฝันต้องผ่านการต่อรอง-แลกเปลี่ยน-เรียนรู้ จนวิวัฒน์กลายเป็นความฝันร่วมของพวกเรา และความฝันร่วมของสังคม
จากจุดตั้งต้นจนถึงจุดหมายปลายทาง ความฝันไม่มีวันสำเร็จได้ด้วยความนิ่งเฉย เราเอาแต่นั่งแช่และนอนรอไม่ได้ ความฝันไม่มีทางสุกงอมด้วยตัวเอง แล้วหล่นลงมาดุจของขวัญฟ้าประทาน โลกในจินตนาการกับโลกแห่งความจริงจะเคลื่อนบรรจบเข้าหากันได้ ต้องผ่านการลงมือทำ ผ่านปฏิบัติการทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
ความฝันเป็นตัวจุดประกายให้เกิดการลงมือทำ และช่วยกำกับทิศไม่ให้การเดินหน้าสู่จุดหมายปลายทางพลัดหลง ส่วนพลังขับเคลื่อนระหว่างทางคือพลังแห่ง ‘ความหวัง’ ที่เชื่อว่าความฝันนั้นเป็นจริงได้ด้วยมือเรา
ความหวัง คือ การเดินทาง
เสียงของความหวัง คือ เสียงสร้างอนาคต เป็นเสียงของตัวเรา ที่เรียกร้องการลงมือทำ โดยมีความหวังที่ไม่มีวันสิ้นสุดเป็นเชื้อเพลิงหล่อเลี้ยงปฏิบัติการเดินหน้าสู่ความฝัน
มาร์ติน ลูเทอร์ คิง เจ้าของสุนทรพจน์ ‘ข้าพเจ้ามีความฝัน’ บอกกับเราเสมอว่า เราอาจทำใจยอมรับบางเรื่องราวที่สิ้นสุดด้วยความล้มเหลวผิดหวังได้ แต่เราต้องไม่ยอมสูญเสียความหวังอันไร้ที่สิ้นสุดอย่างเด็ดขาด
สูญเสีย ‘ความหวัง’ ก็ไปไม่ถึง ‘ความฝัน’
บนเส้นทางสร้างโลกอนาคตใบใหม่ที่ดีกว่าเดิมด้วย ‘ความฝัน’ และ ‘ความหวัง’ สื่อมืออาชีพรับบทผู้เล่นคนสำคัญระดับพลิกเกม
โชคดีที่ปาณิสเป็นนักเดินทาง
เป็นนักเดินทางที่มี ‘แว่นตา’ และ ‘ปากกา’ เป็นอาวุธ
อันหนึ่งไว้มองโลก อีกอันไว้เขียนเปลี่ยนโลก
3
เสียงของอนาคต
“Our Republic and its press will rise or fall together.”
คือคำกล่าวอมตะของโจเซฟ พูลิตเซอร์ (ค.ศ. 1847-1911) นักหนังสือพิมพ์ผู้ทรงอิทธิพลในสหรัฐอเมริกา ผู้ต่อสู้กับความอยุติธรรมและการทุจริตฉ้อฉล ด้วยหลักความเป็นอิสระและสิทธิเสรีภาพของสื่อ ต่อมาชื่อของเขากลายเป็นรางวัลผลงานสื่อสารมวลชนยอดเยี่ยมสาขาต่างๆ ที่สาธารณชนเชื่อถือและไว้วางใจ
พูลิตเซอร์เชื่อว่าชะตากรรมของประเทศและสื่อสารมวลชนผูกกันอย่างแยกไม่ออก ประเทศดี-สื่อดี สื่อดี-ประเทศดี ประเทศห่วย-สื่อห่วย สื่อห่วย-ประเทศห่วย สังคมจะก้าวหน้าหรือฉิบหายวายป่วง คุณภาพสื่อเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลง เขายืนยันตลอดว่าอนาคตของประเทศอยู่ในมือของสื่อรุ่นใหม่แห่งอนาคต
ประเทศไทยไม่มีรางวัลระดับพูลิตเซอร์ และผมก็ไม่รู้ว่าปาณิสคุ้นเคยกับพูลิตเซอร์แค่ไหน แต่โดยรู้ตัวหรือไม่-ไม่ทราบ การทำงานของปาณิสพยายามเดินมุ่งหน้าสู่ ‘ความฝัน’ ของพูลิตเซอร์อย่างเต็มที่เท่าที่สื่อไทยคนหนึ่งพอจะทำได้บนเนื้อดินแบบไทยๆ แน่ละ คุณภาพคงยังไม่ทัดเทียมผลงานรางวัลพูลิตเซอร์ระดับโลก แต่ความภูมิใจของผมอยู่ตรงที่ปาณิสไม่เคยหยุดพยายาม ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยหยุดท้าทายตัวเอง
ไม่แปลกใจที่ผลงานสื่อของปาณิส คว้ารางวัลผลงานสื่อดีเด่นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี ไม่ว่ารางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ของสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ หรือรางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
ในยุคสมัยที่งานสารคดีกลายเป็นของหา(อ่าน)ยากในแวดวงสื่อสารมวลชนไทย ปาณิสถวายชีวิตและหัวใจให้กับการเขียนสารคดี โดยผสมผสานความเป็นนักข่าวกับความเป็นศิลปินสร้างงานสารคดีที่มีลายเซ็นโดดเด่นเฉพาะตัว
สารคดีของปาณิสเชื่อมร้อย ‘ความรู้’ และ ‘ความรู้สึก’ เข้าด้วยกันแบบกำลังดี ส่งพลังกระตุ้นสมองและสั่นสะเทือนหัวใจของผู้อ่านในคราวเดียว ปาณิสทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะนั่นคือธรรมชาติของปาณิส – ความเป็นคน ‘ใฝ่รู้’ และความเป็นคน ‘รู้สึกรู้สา’
เรื่องเล่าของปาณิสจึงหนักแน่นด้วยข้อมูลแต่มีชีวิตชีวา แปรเปลี่ยนเรื่องยาก ซับซ้อน นามธรรม รวมถึงเรื่องเชิงโครงสร้าง ให้กลายเป็นเรื่องง่าย คมชัด เป็นรูปธรรม เห็นภาพ เห็นคน เห็นเลือดเนื้อจิตใจของตัวละครที่ใช้ชีวิตอยู่ในโครงสร้างอันบิดเบี้ยวนั้น แบบที่นักวิชาการทำไม่ได้ และสื่อมวลชนเองก็หาคนทำได้ไม่เหมือน
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยโชคชะตา และมิใช่เรื่องของพรสวรรค์ แต่มาจากมาตรฐานการทำงานแบบมืออาชีพ
ทุกครั้งที่ออกเดินทาง ปาณิสค้นคว้าหาข้อมูลลงลึกถึงแก่น วางแผนการทำงานอย่างครบถ้วนรอบด้าน ลงพื้นที่จริงจนสุดทาง สังเกตและใส่ใจบันทึกรายละเอียดรอบตัวที่พบเจอ พูดคุยกับผู้คนหลากหลาย ฟัง-ฟัง-และฟังด้วยทักษะระดับ ‘หูเหล็ก’ ถามตรงจุดแบบไม่ด่วนตัดสิน แล้วร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมดออกมาเป็นงานเขียนที่มีเสน่ห์ชวนอ่านอย่างรื่นรมย์ เล่าเรื่องอย่างสร้างสรรค์ด้วยวรรณศิลป์ มีจังหวะจะโคน มีทีเด็ดทีขาด เพลิดเพลินด้วยเกร็ดจากสนาม แซมด้วยอารมณ์อมยิ้มบ้าง ขำขันบ้าง ขำขื่นบ้าง ขื่นขมบ้าง กระทั่งทุบกระชากเขย่าหัวใจคนอ่านแบบไม่ฟูมฟายเป็นระยะ
เคล็ดลับความสำเร็จอีกประการของปาณิสคือ การออกเดินทางโดยแบกตัวตนของเราเข้าไปน้อย ทำให้ได้อะไรกลับออกมาเยอะ ถ้าเราสวมบท journalist อย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ผู้พิพากษา ไม่พกธงออกจากบ้านตัวเองไปไล่ปักป้ายหน้าบ้านคนอื่น เราก็จะได้เห็นวิถีของเรื่องในแบบที่มันเป็น ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ความไว้เนื้อเชื่อใจก็แตกหน่องอกงาม แล้วความจริงอันหลากหลายก็จะไหลทะลักพรั่งพรูออกมา
สารคดีของปาณิสจึงสามารถส่องไฟสว่างไปยังเรื่องราวที่หลบซ่อนอยู่ในความมืดหม่น ตีแผ่ ‘ความจริง’ ที่เราไม่รู้ว่าดำรงอยู่ โลกที่เราไม่มีวันเห็น คนที่เราไม่เคยพบเจอ ความลับคาใจที่ไม่กล้าบอกใครอื่น รวมทั้งตั้งคำถามที่เราไม่เคยฉุกคิดต่อสิ่งที่มองเห็นจนชินตา
ปาณิสทำได้เพราะเธอเป็นนักมนุษยนิยม มองเห็นคุณค่าความหมายและความงดงามในตัวของมนุษย์ทุกคน เชื่อมั่นว่าทุกคนล้วนมีเรื่องเล่าและมี ‘เสียง’ ของตนเอง แต่เมื่อเสียงของคนดังไม่เท่ากัน เรื่องที่เล่าจึงไม่ถูกได้ยินเสมอไป เราถึงยิ่งต้องพยายามฟังเสียงของคนให้หลากหลายและทั่วถึง ยิ่งไร้อำนาจ ยิ่งเสียงไม่ดัง ยิ่งไร้เสียง ปาณิสยิ่งตั้งใจเงี่ยหูฟังเป็นพิเศษ แล้วใช้ปลายปากกาขยายเสียงแห่ง ‘ความฝัน’ และ ‘ความหวัง’ ของคนเหล่านั้นให้ก้องกังวาน
ปฏิบัติการของปาณิสในการบันทึกและบอกเล่า ‘ความฝัน’ และ ‘ความหวัง’ ของเพื่อนร่วมสังคมแบบเสมอหน้ากัน มิได้ตอบโจทย์เติมเต็มความฝันส่วนตัวของปาณิสเท่านั้น แต่มันให้พลังส่งต่อความหวัง ต่อยอดความฝัน รวมทั้งสร้างความหวังใหม่ และก่อรูปความฝันใหม่ ในใจของใครต่อใครอย่างไม่รู้จบ
งานเขียนของปาณิสปลุกเร้าให้ทุกคนฝัน และปลูกความหวังให้ทุกคนออกเดินทาง เพื่อร่วมสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่านี้บนวิถีของตัวเอง
ใช่ พลังในการสร้างโลกอนาคตใบใหม่จะสว่างแสงแรงร้อนเต็มที่ ก็เมื่อความฝันและความหวังเป็นพหูพจน์
ปาณิสเป็นนักเดินทาง
ความหวังระหว่างการเดินทางของเธอคือการบันทึก ‘เสียง’ ของผู้คนหลากหลาย บอกเล่าเรื่องราวว่าด้วยความฝันของทุกคน โดยเฉพาะคนที่ฝันแผ่วเบา คนที่ถูกยึดฝัน คนที่เหลื่อมล้ำทางความฝัน
ถ้าจุดหมายปลายทางคือความฝัน ความฝันของปาณิสนั้นเรียบง่าย และปกติธรรมดายิ่ง -โลกที่มีพื้นที่ให้ทุกความฝัน ทุกความหวัง ทุกเรื่องเล่า ทุกเสียง อย่างเสมอหน้ากัน แล้วชวนพวกเรามารับฟังเสียงแห่งความฝันและเสียงแห่งความหวังเหล่านั้นร่วมกันอย่างตั้งใจ ตั้งต้นสร้างอนาคตใหม่ สร้างโลกใบใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมจากตรงนั้น
ความฝันของปาณิสเป็นความฝันที่เชื่อมร้อยทุกฝันเข้าด้วยกัน สู่จุดหมายปลายทางของเธอ นั่นคือ
โลกที่ ‘ไม่มีใครเป็นเจ้าของความหวังเพียงผู้เดียว’ — ไม่สูญสิ้นความหวัง ไม่ผูกขาดความหวังไว้ในมือใครทั้งนั้น ความหวังควรรักษาไว้เป็นสมบัติในครอบครองของทุกคน
และโลกที่ ‘ความฝันไม่มีวันนับได้’ — ทุกคนฝันได้ ฝันของเราเท่ากัน ฝันกันให้หลากหลาย จนเต็มไปด้วยความฝันแสนสวยงามหลายแสนฝัน
เรียบง่ายและปกติธรรมดายิ่ง เหมือนตัวเธอ เหมือนผลงานเขียนของเธอ
สำหรับผม ปาณิสคือสื่อรุ่นใหม่แห่งอนาคต เป็นอีกหนึ่งขุมกำลังในการก่อร่างสร้างอนาคตใหม่ของประเทศนี้
งานเขียนของปาณิสส่งเสียงของอนาคต
เสียงของปาณิสคือเสียงของอนาคต.
ความฝันไม่มีวันนับได้
ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย เรื่อง
เมธิชัย เตียวนะ ภาพ
ปกป้อง จันวิทย์ คำนิยม
376 หน้า สี่สีทั้งเล่ม ราคา 450 บาท
พิเศษเฉพาะรอบพรีออเดอร์ ราคาเพียง 360 บาท (จัดส่งฟรี) พร้อมลายเซ็นนักเขียน
ทดลองอ่านได้ที่: https://bit.ly/4jJToTr
สามารถ Pre-order ได้ผ่านช่องทางด้านล่างนี้
เว็บไซต์สำนักพิมพ์ : https://bit.ly/4jRZZvl
Line Shopping : https://bit.ly/40L9dR7
Shopee : https://bit.ly/4aOaP18
Tiktok Shop : https://bit.ly/40Mzsa4
สามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ 2568
หมายเหตุ: ทางสำนักพิมพ์เริ่มจัดส่งหนังสือตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568