โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เพื่อไทยลุยแจกเงินดิจิทัล เผยกลุ่มไหนสามารถนำเงินดิจิทัลทั้งหมดไปขึ้นเป็นเงินสดได้

สยามนิวส์

เผยแพร่ 18 ต.ค. 2566 เวลา 00.10 น. • ทีมข่าวสยามนิวส์
เพื่อไทยลุยแจกเงินดิจิทัล เผยกลุ่มไหนสามารถนำเงินดิจิทัลทั้งหมดไปขึ้นเป็นเงินสดได้

พรุ่งนี้ 19 ตุลาคม คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะประชุมหน่วยงานทุกฝ่ายเป็นรอบสุดท้ายเพื่อสรุปรายละเอียดการแจกเงินดิจิทัล 560,000 ล้านบาท เช่น แหล่งที่มาของเงิน ไปจนถึง ระบบ และ การป้องกันการทุจริต ก่อนจะนำเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มี คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ ในขณะที่ คุณนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ก็เปิดเผยว่า ป.ป.ช.กำลังเตรียมตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาวิเคราะห์โครงการนี้ว่ามีความสุ่มเสี่ยงหรือไม่ จะเข้าเกณฑ์ชี้วัด ความเสี่ยงในการทุจริตเชิงนโยบาย เหมือนโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ แต่ดูเหมือน นายกฯเศรษฐา และ พรรคเพื่อไทย จะไม่สนใจเสียงท้วงติงของทุกฝ่าย ยังคงเดินหน้าลุยไฟเต็มที่

ล่าสุด นายกฯเศรษฐา ได้ทวีตผ่านแอปเอ็กซ์ ขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนด้วยว่า หากท่านเห็นตรงกับผม และชอบโครงการนี้อยู่ ท่านอย่ายอมให้คนที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่มีเหตุผล มายับยั้งโครงการนี้ และขอให้ส่งเสียงบอกกับพวกเราบ้างว่าท่านมีความสุข และดีใจที่รัฐบาลนี้ทำให้ เราเองก็อยากได้กำลังใจจากทุกคน เพราะพวกเราตั้งใจมาทำงานให้พี่น้องประชาชนจริงๆครับ” หวังดึงประชาชนมาเป็นพวกเดินหน้าชนกับเสียงค้านทุกเสียง

โครงการนี้ นายกฯเศรษฐา ลงทุนทุ่มหมดตัวเลยทีเดียว คุณจุลพันธ์ แถลงรายละเอียดเบื้องต้นหลังการประชุมรอบแรกว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็น เงินบาทจริง ที่อยู่ในรูป เงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี–มันนี่) สามารถแลกคืนออกมาเป็นเงินบาทไทยได้ทุกบาท สำหรับขั้นตอนการใช้จ่าย ประชาชนที่ได้สิทธิเงิน 10,000 บาท ในทอดแรก จะต้องใช้จ่ายให้หมดภายใน 6 เดือน หลังจากที่เริ่มโครงการ สามารถนำไปใช้จ่ายผ่าน ร้านค้ารายย่อย แผงลอย ในพื้นที่ที่กำหนด การออกแบบโครงการนี้

ตั้งใจให้เงินดิจิทัลวอลเล็ตเกิดการหมุนเวียนในระบบหลายๆทอด โดย ประชาชนทอดแรก จะต้องใช้จ่ายให้หมดภายใน 6 เดือน ส่วนร้านค้าที่ได้รับเงินไป อาจจะไม่มีการกำหนดระยะเวลาการใช้เหมือนทอดแรก เพราะต้องการให้มีเวลาสำหรับร้านค้าย่อยนำไปใช้จ่ายซื้อวัตถุดิบจากร้านค้าปลีกค้าส่ง ส่วน ร้านค้าปลีกค้าส่ง ที่จดทะเบียนในระบบภาษี ก็อาจเป็น ทอดสุดท้าย ที่มาขึ้นเงินสดกับรัฐบาล ผมขอสรุปเป็นข้อๆให้ชัดเจนก็คือ

1.ประชาชนที่ได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท (ทอดแรก) จะเอาเงินดิจิทัลไปขึ้นเงินสดไม่ได้ ต้องนำไปใช้จ่ายให้หมดภายใน 6 เดือน

2.ร้านค้าย่อย/แผงลอย (ทอดที่ 2) ที่รับเงินดิจิทัลเป็นค่าสินค้าหรือค่าอาหาร ก็เอาไปขึ้นเป็นเงินสดไม่ได้ ต้องเอาเงินดิจิทัลที่ได้รับไปซื้อวัตถุดิบจากร้านค้าปลีกค้าส่งต่อทั้งหมด

3.ร้านค้าปลีกค้าส่ง (ทอดที่ 3) ซึ่งเป็นทอดสุดท้าย สามารถนำเงินดิจิทัลทั้งหมดไปขึ้นเป็นเงินสดได้ คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ร้านค้าย่อยแผงลอยที่รับเงินดิจิทัลมาทั้งหมด จะเอาเงินจากไหนมาเป็นกำไร เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถผ่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายในครอบครัว ค่าข้าว ค่ารถ ลูกไปโรงเรียนฯลฯ ถ้าต้องเอาเงินจากการขายของทั้งหมด ไปซื้อวัตถุดิบจากร้านค้าปลีกค้าส่งต่อ ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้เลยตลอด 6 เดือนที่ค้าขาย แต่ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆล้วนรวมอยู่ในสินค้าที่ขายทั้งหมด

แต่นำเงินดิจิทัลที่ได้รับไปขึ้นเป็นเงินสดไม่ได้ ร้านค้าย่อยหากินเป็นรายวันอยู่แล้ว พวกเขาจะเอาอะไรกิน?

คนที่ขึ้นเป็นเงินสดได้ กลับเป็น ร้านค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ แทบทั้งสิ้น หมายความว่า เงินสด 560,000 ล้านบาท ต้องไปอยู่ในมือของห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ทั้งหมด อย่างนั้นหรือ เป็นคำถามใหญ่ที่รัฐบาลต้องมีคำตอบให้ชัดเจนครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...