โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

สหรัฐเตรียมโจมตีอิหร่านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รอคำสั่งสุดท้าย

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 19 มิ.ย. เวลา 02.06 น. • เผยแพร่ 19 มิ.ย. เวลา 04.08 น.

บลูมเบิรก์ รายงานวันนี้ (19 มิ.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เตรียมการโจมตีอิหร่านในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยบลูมเบิร์กได้อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่า วอชิงตันกำลังเตรียมความพร้อมต่างๆเพื่อเข้าสู่ความขัดแย้งกับเตหะรานโดยตรง

สถานการณ์ยังคงลื่นไหลและอาจเปลี่ยนแปลงได้ แหล่งข่าวที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ บางคนชี้ไปที่แผนการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ผู้นำระดับสูงของหน่วยงานของรัฐบาลกลางหลายแห่งเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีเช่นกัน แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยเป็นเวลาหลายวันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการโจมตีอิหร่าน ซึ่งกำลังทำสงครามทางอากาศกับอิสราเอลมานานเกือบสัปดาห์แล้ว

ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เขามี "แนวคิดว่าจะทำอย่างไร" และเขาต้องการ "ตัดสินใจขั้นสุดท้ายหนึ่งวินาทีก่อนถึงกำหนด" เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังไม่แน่นอน

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทรัมป์กล่าวว่า “ผมอาจจะทำ ผมอาจจะไม่ทำ” เมื่อถูกถามว่าเขากำลังจะตัดสินใจโจมตีอิหร่านหรือไม่

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว กล่าวว่า ยังมีทางเลือกอื่นอยู่บนโต๊ะ

การเปิดรับต่อการทำสงครามของประธานาธิบดีถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากคำปราศรัยต่อสาธารณชนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อทรัมป์เรียกร้องให้มีการเจรจาทางการทูตเพื่อบรรลุข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์กับอิหร่าน

การรออีกสองสามวันก่อนที่จะโจมตีจะทำให้ผู้นำอิหร่านมีเวลาเพิ่มเติมเพื่อแสดงให้ทรัมป์เห็นว่าพวกเขายินดีที่จะยอมยกเลิกการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมบางส่วนเพื่อขัดขวางการโจมตีของสหรัฐฯ

ช่องทางการทูตยังเปิด

อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดียเมื่อเช้าวันพุธว่า ประเทศของเขายังคง “มุ่งมั่นกับการทูต” และไม่เคยแสวงหาและจะไม่แสวงหาอาวุธนิวเคลียร์

รัฐมนตรีต่างประเทศจากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี วางแผนที่จะหารือเรื่องนิวเคลียร์กับรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านในวันศุกร์นี้ที่เจนีวา ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว

วาทกรรมของทรัมป์เปลี่ยนไปอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากพันธมิตรของเขาได้แสดงให้เขาเห็นว่าอิหร่านใกล้จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จแล้ว วุฒิสมาชิกลินด์เซย์ เกรแฮมแห่งเซาท์แคโรไลนาเป็นผู้สนับสนุนหลักที่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีพิจารณาใช้มาตรการทางทหาร ตามคำบอกเล่าของผู้ที่คุ้นเคยกับการหารือดังกล่าว ทรัมป์ได้โทรศัพท์คุยกับเกรแฮมหลายครั้งแล้ว แหล่งข่าวกล่าว

เกรแฮมกล่าวถึงอิหร่านในวันพุธว่า“ทรัมป์ให้โอกาสพวกเขาในทางการทูต ผมคิดว่าพวกเขาคิดผิด” “ยิ่งเรายุติภัยคุกคามต่อมนุษยชาติได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”

เกรแฮม ซึ่งกล่าวว่าเขาได้พูดคุยกับทรัมป์ในวันอังคาร กล่าวว่าประธานาธิบดีมี “สมาธิมาก สงบมาก” และ “ยึดมั่นตามนั้น” เมื่อเขากล่าวว่าเขาไม่ต้องการให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

สหรัฐกับสงครามในต่างประเทศ

เป็นเวลาหลายปีที่ทรัมป์เรียกร้องให้สหรัฐฯ อยู่ห่างจากความขัดแย้งในต่างประเทศ และได้รณรงค์ด้วยข้อความที่ว่าเขาจะป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกอีกครั้งและมุ่งเน้นไปที่ประเด็นปัญหาในประเทศสหรัฐเอง

ทรัมป์กล่าวว่าเขาสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล "เดินหน้า" ปฏิบัติการรุกต่อไป โดยเสริมว่าเขาไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ ต่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอลว่ากองกำลังสหรัฐจะเข้าร่วมในการโจมตีครั้งนี้ด้วย

ตั้งแต่เริ่มมีการโจมตีของอิสราเอล อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลประมาณ 400 ลูกและโดรนหลายร้อยลำไปที่อิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 24 รายและบาดเจ็บมากกว่า 800 ราย ตามข้อมูลของรัฐบาลอิสราเอล ด้านชาวอิหร่านอย่างน้อย 224 รายเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอล

ทรัมป์รอตัดสินใจขั้นสุดท้ายก่อนโจมตี

ด้านสำนักข่าวบีบีซีได้อ้างรายงานทีวีซีบีเอส ซึ่งเป็นพันธมิตรของบีบีซีในสหรัฐฯ ที่ระบุว่าทรัมป์ได้อนุมัติแผนการโจมตีอิหร่านแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะโจมตีประเทศนี้หรือไม่

แหล่งข่าวกรองระดับสูงบอกกับซีบีเอส ว่าประธานาธิบดีสหรัฐยังคงชะลอการโจมตีในกรณีที่อิหร่านตกลงที่จะละทิ้งโครงการนิวเคลียร์ รายงานระบุว่าทรัมป์กำลังพิจารณาให้สหรัฐฯโจมตีฟอร์โด (Fordo) ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใต้ดินในอิหร่าน

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ปฏิเสธข้อเรียกร้องของทรัมป์ที่ต้องการให้อิหร่านยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าความอดทนของเขาหมดลงแล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...