โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พรุ่งนี้อาจไม่มีให้ฝัน ชีวิตเด็กในยุคโลกร้อน

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 17 มิ.ย. เวลา 04.00 น.
เด็กในเนปาลและมัลดีฟส์ต้องเผชิญภัยจากโลกร้อนในชีวิตประจำวัน ทั้งดินถล่ม น้ำท่วม และน้ำทะเลกัดเซาะ UNICEF จึงเข้ามาสนับสนุนให้เด็กมีส่วนร่วมแก้ปัญหาอย่างจริงจังผ่านการศึกษาและนโยบาย เพื่อทำให้รู้ว่า เด็กๆ ไม่ใช่แค่เหยื่อ แต่คือผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ในยุคที่วิกฤตโลกร้อนไม่ใช่เพียงเรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่เป็นปัญหาที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ในทุกมิติ เด็ก ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุด กลับต้องรับผลกระทบหนักหนาที่สุดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะในประเทศที่มีภูมิประเทศสุดโต่งอย่าง เนปาล ซึ่งตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย และ มัลดีฟส์ ประเทศหมู่เกาะต่ำที่รายล้อมด้วยทะเล วิกฤตภูมิอากาศได้เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ อย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านความปลอดภัย สุขภาพ การศึกษา และความหวังต่ออนาคต

ในเนปาล เด็กหญิงวัย 11 ปีชื่อ “ซาบู” และเพื่อน ๆ ต้องเดินทางไปโรงเรียนท่ามกลางฝนที่ตกหนักและดินถล่มที่คาดการณ์ไม่ได้ ถนนถูกน้ำพัดพา บางวันต้องลุยโคลนข้ามสะพานชำรุดไปกลับ เพื่อจะได้สิทธิในการเรียนรู้ เช่นเดียวกับเด็กในมัลดีฟส์ ที่ต้องใช้ชีวิตบนเกาะที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะทุกวัน บ้านพัง ต้นไม้หาย พื้นที่อยู่อาศัยหดหายลงอย่างน่าใจหาย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติ หากแต่ฝังลึกลงในจิตใจของเด็ก ๆ ว่าอนาคตของพวกเขาไม่มั่นคง และบางครั้งอาจไม่สามารถจินตนาการถึงมันได้เลย

จากบริบทเช่นนี้ องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยเชื่อมั่นว่าเด็ก ๆ ไม่ควรเป็นเพียงผู้รับผลกระทบ แต่ต้องเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง แนวทางนี้สะท้อนผ่านการสนับสนุนด้านนโยบาย การศึกษา และการสร้างพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

ในเนปาล รัฐบาลได้บรรจุหลักสูตรสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในระดับชาติ โดยมีการอบรมครู สนับสนุนโรงเรียนสีเขียว และส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยสร้างทักษะ เช่น การเก็บน้ำฝนหรือการแยกขยะ นอกจากนี้ยังมีเวที “Sagarmatha Sambaad” ที่เยาวชนทั่วประเทศได้มีโอกาสสื่อสารกับผู้นำประเทศ ยื่นข้อเสนอและคำประกาศของเด็กและเยาวชนต่อรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม

ในมัลดีฟส์ UNICEF เน้นสร้างความเปลี่ยนแปลงจากชุมชน โดยสนับสนุนชมรมสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ ร่วมมือกัน และนำความรู้ออกไปสร้างความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่จริง ทั้งยังมีโครงการพลังงานสะอาดในโรงพยาบาล รวมถึงการจัดกิจกรรม “Youth Track to COP” เพื่อเตรียมความพร้อมให้เยาวชนสามารถแสดงบทบาทในเวทีระดับโลกได้อย่างมั่นใจ

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ UNICEF ทำงานร่วมกับรัฐบาลในการปรับปรุงคำมั่นภายใต้ความตกลงปารีส หรือ NDCs ให้มีความ “อ่อนไหวต่อเด็ก” มากยิ่งขึ้น เช่น ในเนปาลมีเป้าหมายสร้างโรงเรียนที่ทนทานต่อภัยธรรมชาติ และเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบาย ในขณะที่มัลดีฟส์เน้นการเข้าถึงน้ำสะอาด พัฒนาระบบสุขภาพ และเปิดพื้นที่ให้เยาวชนกำหนดทิศทางประเทศร่วมกับผู้ใหญ่

กรณีของ “ซาบู” เป็นภาพสะท้อนความหวังในภาวะวิกฤต เธอไม่เพียงเรียนรู้จากครู แต่ยังศึกษาสมุนไพรท้องถิ่นจากผู้เฒ่าในหมู่บ้าน และนำความรู้ไปถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ด้วยตัวเอง กลายเป็นสะพานเชื่อมคนต่างรุ่นด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น การกระทำของซาบูแม้จะเล็ก แต่กลับส่งผลลึกซึ้งต่อชุมชน และยืนยันได้ว่าเด็ก ๆ คือ “ผู้นำ” ไม่ใช่เพียง “ผู้ถูกกระทำ”

ในท้ายที่สุด วิกฤตโลกร้อนไม่ใช่เพียงเรื่องของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นเรื่องของความยุติธรรมระหว่างรุ่น เราจะไม่สามารถสร้างโลกที่ยั่งยืนได้ หากละเลยเสียงของคนรุ่นต่อไป เพราะหากเราสามารถสร้างสังคมที่ปกป้องและส่งเสริมเด็กให้เติบโตท่ามกลางวิกฤตได้สำเร็จ นั่นคือหลักประกันว่าทั้งสังคมจะสามารถผ่านพ้นและพัฒนาไปได้อย่างมั่นคง ดังที่ UNICEF กล่าวไว้ว่า ถ้าเราทำให้ถูกต้องเพื่อเด็ก เราก็ทำให้ถูกต้องเพื่อทุกคน”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...