จุดลงตัวของชีวิตและเวลาของคู่รักทายาทคลินิกความงาม ณ KingsQuare Residence
Hello Magazine Thailand
อัพเดต 12 มิ.ย. เวลา 11.41 น. • เผยแพร่ 12 มิ.ย. เวลา 04.34 น. • HELLO! Magazine Thailandเรียกว่าชีวิตเดินทางมาถึงจุดลงตัวที่สุดแล้วก็ว่าได้ สำหรับคุณพั้ม-พามงคล ฉายาวิจิตรศิลป์ ทายาทธุรกิจคลินิกความงามเมโกะ คลินิก (Meko Clinic) และคุณหมอมิว-พญ.วรารัตน์ สิริกุตตา แพทย์ความงามเจ้าของโซเมโกะ คลินิก (SoMeko Clinic) ด้วยทั้งคู่กำลังจะก้าวสู่การดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลความงามอย่างเต็มตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ ภายใต้ชื่อ Meko Hospital and Clinics พร้อมๆ กับการเลือกเป็นเจ้าของเพนต์เฮาส์ในโครงการ KingsQuare Residence คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรีบนถนนพระราม 3 ซึ่งทั้งคู่มองว่าเป็นที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกมิติ ทั้งยังเหมาะกับการดูแลลูกทั้ง 3 คนอย่างน้องลลิน-ลลิน น้องไอลิน-ไอลินดา และน้องเดวิด-ณพรรธ ฉายาวิจิตรศิลป์
“มิวทำโซเมโกะ คลินิกมานาน 7 ปี โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน ส่วนเมโกะ คลินิกที่เป็นแบรนด์ดั้งเดิมจะเน้นดูแลคนไข้ผู้ใหญ่เป็นหลัก ปัจจุบันได้ Merge กันเป็นที่เรียบร้อยในรูปแบบของโรงพยาบาล ซึ่งเป้าหมายธุรกิจของเราใหญ่ขึ้น นอกจากจะมอบความสวยหล่อที่เป็นธรรมชาติและส่งเสริมโหงวเฮ้งให้กับลูกค้า เรายังอยากเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันกับธุรกิจความงามต่างชาติ และผลักดันการเพิ่ม GDP ให้กับประเทศไทยส่วนตัวมองว่าหมอไทยมีฝีมือเยอะมาก และเมื่อบวกกับการบริการด้วย Service Mind แบบคนไทย เชื่อว่าไปได้ไกลแน่นอน”
คุณหมอมิวเริ่มเล่าถึงโปรเจกต์สำคัญ ก่อนคุณพั้มจะกล่าวเสริม “ผมจะทำงาน Development ในส่วนของเบื้องหลังงานมากกว่า ตั้งแต่การหาพื้นที่ การออกแบบอาคาร การก่อสร้าง เตรียมพร้อมให้เค้าบริหารต่อ ส่วนตัวรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่คุณพ่อ (ร.ต.อ.นพ.มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์) เปิดคลินิกมา 40 กว่าปี ตั้งแต่ปี 1982 เรามั่นใจว่าจะสร้างแบรนด์ให้เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน ด้วยพื้นฐานอันแข็งแรงที่ยึดมาโดยตลอด ทั้งจรรยาบรรณ มาตรฐานทางการแพทย์ และการให้บริการ”
ไม่เพียงประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจ คุณพั้มและคุณหมอมิวยังเป็นพ่อแม่ที่ดูแลลูกทั้งสามคนเป็นอย่างดี โดยทั้งคู่เห็นตรงกันว่าเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จนเป็นที่มาของการตัดสินใจเลือกซื้อเพนต์เฮาส์ในโครงการ KingsQuare Residence เพื่อให้น้องลลินลูกสาวคนโตที่กำลังศึกษาอยู่ที่ King’s College International School Bangkok ได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้โรงเรียนมากที่สุด
“ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเวลามากๆ อยากให้ลูกได้ใช้เวลาที่โรงเรียนอย่างเต็มที่ สนุกกับ After-School Activity โดยไม่ต้องกังวล เช้าไม่ต้องตื่นเร็วเพื่อจะเดินทางไปโรงเรียน ไม่ต้องทานข้าวบนรถ เย็นก็ไม่ต้องเจอรถติด มีเวลาทำการบ้านและพักผ่อน ซึ่งตัวเองก็ถูกเลี้ยงมาแบบนี้เหมือน ย้อนไปตอนเด็กๆ คุณพ่อเลือกซื้อบ้านติดกับโรงเรียนเลย ช่วงเวลานั้นผมมีความสุขมาก เลยมีความคิดที่อยากจะส่งต่อให้ลูกเหมือนกัน”
คุณพั้มเผยถึงที่มาของเลือกซื้อที่อาศัยที่ตอบโจทย์เรื่องเวลาให้กับลูกๆ และคุณหมอมิวได้เล่าเสริมว่า “เราคิดเห็นตรงกันว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าและซื้อกลับคืนมาไม่ได้ การได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกับลูกให้ได้มากที่สุดเป็นโจทย์หลักของเรา และที่นี่เป็นคำตอบของในวันนี้และอีกหลายปีข้างหน้า เพราะในอนาคตน้องไอลิน น้องเดวิดก็จะตามมาเรียนที่ King’s Bangkok กันหมด นอกจากได้อยู่ใกล้โรงเรียนแล้ว โรงเรียนที่เราเลือกให้เขาเป็นสถาบันการศึกษาที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มาตรฐานการศึกษาเป็นที่ยอมรับในระดับโลก และทั้งพั้มกับมิวอยากให้ลูกมีพื้นฐานด้านภาษาที่แข็งแรง สื่อสารได้คล่องทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ รวมไปถึงภาษาที่ 3 ซึ่งจำเป็นมากในยุคนี้ ที่ตรงใจที่สุดคือการคัดเลือกครูของโรงเรียนมีมาตรฐานสูงมาก”
ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเวลามากๆ อยากให้ลูกได้ใช้เวลาที่โรงเรียนอย่างเต็มที่ สนุกกับ After-School Activity โดยไม่ต้องกังวล เช้าไม่ต้องตื่นเร็วเพื่อจะเดินทางไปโรงเรียน
คุณพั้ม-พามงคล
นอกจากปัจจัยสำคัญในการมอบการศึกษาและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกไปพร้อมกัน ทั้งสองยังมองถึงมิติอื่นๆ ที่ประกอบให้การตัดสินใจซื้อบ้านแห่งที่ 2 ในครั้งนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
“อย่างแรกเรามั่นใจในเจ้าของโครงการอย่างเครือสหพัฒน์ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีชื่อเสียงมานานของเมืองไทย เชื่อว่าถ้าซื้ออสังหาริมทรัพย์กับองค์กรที่ไว้วางใจได้ ในอนาคตก็ไม่มีอะไรต้องกังวล อีกมุมหนึ่งมิวชอบคอนเซปต์ Community of Kindness ที่ช่วยเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์แบบภายใต้แนวคิด Live Where Your Heart Belongs เติมเต็มใจให้ชีวิตสมบูรณ์ โครงการคิดให้แล้วว่าลูกค้าต้องการอะไร ต่อไปจะมีคอมมิวนิตี้มอลล์ ส่วนกลางก็ครบครันมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น คนทำงาน หรือผู้สูงอายุ ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนคุณภาพ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ สิ่งแวดล้อมมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กจริงๆ ถ้าลูกได้อยู่ในสังคมที่ดี มองว่าเราก็สามารถคาดหวังว่าเค้าจะเติบโตมาเป็นเด็กดี ผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต” คุณหมอมิวกล่าว
“ที่นี่เป็นโปรเจกต์ของเครือสหพัฒน์ที่ทีมงานและพาร์ตเนอร์ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโดยทีม Space A49 หรือโครงสร้างหรือวัสดุโครงการนี้ยังได้บริษัท Thai Obayashi ที่อยู่ระดับท็อปในเรื่องการก่อสร้างมาร่วมงานด้วย ตัวอย่างเช่น ลิฟต์ก็ใช้แบรนด์คุณภาพ ความเร็วสูง เป็นแบรนด์เดียวกันกับที่ผมเลือกใช้ที่โรงพยาบาล และที่ยิ่งเสริมให้มีความมั่นใจคือการันตีด้วย Fitwel มาตรฐานระดับโลกสูงสุด 3 ดาวในด้าน Multifamily Residential Building โครงการแรกของ Southeast Asia ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย ที่ดีมากสำหรับเด็กๆ คือระบบกรองฝุ่น PM2.5 มาตรฐานสูง เราในฐานะคนเป็นพ่อแม่ก็คลายกังวลไปได้เยอะ เพราะไม่รู้ว่าปัญหานี้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน อย่างน้อยตลอดเวลาที่เราอยู่บ้าน ลูกได้สูดอากาศสะอาดๆ ถือว่าเราได้ดูแลสุขภาพของเขาแล้ว”
สิ่งแวดล้อมมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กจริงๆ ถ้าลูกได้อยู่ในสังคมที่ดี มองว่าเราก็สามารถคาดหวังว่าเค้าจะเติบโตมาเป็นเด็กดี ผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
คุณหมอมิว-พญ.วรารัตน์
“สำหรับผมที่เป็นนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชื่อว่าเพนต์เฮาส์ที่เราตัดสินใจซื้อจะสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ไม่ยาก เพราะด้วยโครงการคุณภาพ ใส่ใจในทุกรายละเอียด จำนวนยูนิตที่ไม่มาก บวกกับโลเคชั่นที่ดี เดินทางสะดวก ตั้งอยู่ใกล้ทางด่วน ถ้าใน 10 ปีข้างหน้า รูปแบบการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป และจำเป็นต้องย้ายไปที่อื่น ก็น่าจะมีผู้ปกครองนักเรียน King’s Bangkok ไม่น้อยที่สนใจจะเป็นเจ้าของต่อจากเรา มองว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและสมเหตุสมผลทั้งในแง่การลงทุน และการซื้อเวลาเพื่อครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประเมินค่าได้” คุณพั้มกล่าวปิดท้าย
#Kingsquare #คิงสแควร์เรสซิเดนซ์ #Community of Kindness #Live Where Your Heart Belongs #Thai Obayashi