เปิดร่างกฎหมายลงโทษ ‘ผู้สมัครใจเสพเมถุนกับพระ-เณร’ มีโทษถึงติดคุก
ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เตรียมเสนอมหาเถรสมาคม (มส.) ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. …. เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาในลักษณะเดียวกับที่ ‘สีกากอล์ฟ’ ทำกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปนั้น โดยร่าง พ.ร.บ.นี้ มีสาระสำคัญ คือ
1. กำหนดให้มีคณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ทำหน้าที่เสนอนโยบายและแนวทางการอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา สนับสนุนกิจการของคณะสงฆ์ และหน้าที่อื่นๆ ตามที่กำหนด
2. ส่งเสริมให้พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา
3. กำหนดให้พระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญามีสิทธิขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนในการจัดหาทนายความเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนด
4. มีบทกำหนดโทษประกอบด้วย
1. ผู้ใดได้รับคำวินิจฉัยถึงที่สุดให้สละสมณเพศเพราะเหตุต้องอาบัติปาราชิก หรือประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเรื่องเดียวกัน หรือหลายเรื่องเป็นอาจิณตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทหรือหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ผู้ใดตกเป็นผู้ต้องหา หรือจำเลยในคดีอาญา บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา หรือกระทำการอื่นใดในทำนองเดียวกัน อันเป็นการทำให้พระพุทธศาสนาต้องเสื่อมเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. ผู้ใดรู้ว่าตนไม่มีสิทธิบวช หลอกลวงพระอุปัชฌาย์ เพื่อให้ตนมีสิทธิบวช ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4. ภิกษุใดอวดอุตริมนุสธรรม ทำเสน่ห์ยาแฝด เรียกเงินค่าเวทมนต์และทดลองของขลัง แสดงตนเป็นอาจารย์บอกเลขสลากกินแบ่งหรือสลากกินรวบ หรือประกอบการหากินนอกธรรมเนียมของสมณะ เมื่อมหาเถรสมาคมได้มีคำสั่งตักเตือนแล้วยังคงฝ่าฝืน ให้ภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศและต้องระวางโทษตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5. ผู้สมัครใจเสพเมถุนกับพระภิกษุ หรือสามเณร ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6. ผู้ทำการล้อเลียน ดูหมิ่น ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญกระทำการอันไม่สมควรอย่างยิ่ง หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการล้อเลียน ดูหมิ่น ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญของพระพุทธศาสนา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
7. การกระทำอันเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง แบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้ 1. ผู้ใดที่กระทำการอันเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงในทางใดทางหนึ่ง เช่น พระภิกษุนำเงินที่ได้จากการทำบุญไปให้บุคคลอื่นเพื่อปกปิดความผิด หรือพระภิกษุไปหลอกลวงชาวบ้าน เป็นต้น 2. ผู้ใดทำให้พระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพระธรรมวินัยต้องมีมลทินมัวหมอง ในกรณีที่พระภิกษุถูกใส่ร้ายว่ากระทำความผิดในพระธรรมวินัย หรือถูกกระทำละเมิดให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือเกียรติคุณ โดยผู้กระทำไม่มีพยานหลักฐานที่จะเอาผิดพระภิกษุและผู้กระทำไม่มีอำนาจเข้าไปกระทำการตรวจสอบพระภิกษุตามกฎหมาย ผู้นั้นต้องราะวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทบัญญัติดังกล่าวกำหนดไว้เพื่อปกป้องพระศาสนาจากภิกษุผู้ปฏิบัติในทางเสื่อมเสียและบุคคลภายนอกผู้หวังเข้ามาทำลายหรือสร้างความปั่นป่วนให้แก่พระพุทธศาสนาซึ่งกระทำโดยไม่มีพยานหลักฐานและไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการ
อย่างไรก็ตามทาง พศ. จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อปรับแก้ร่าง พ.ร.บ.นี้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ก่อนที่จะเสนอที่ประชุม มส. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป