โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

เศรษฐกิจสหรัฐQ2โตสูงกว่าคาด ครึ่งปีโตชะลอ ทรัมป์ร้องลดดอกเบี้ย

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 30 ก.ค. เวลา 17.29 น. • เผยแพร่ 30 ก.ค. เวลา 16.23 น.

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตในอัตราที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้มากในไตรมาสที่สอง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากดุลการค้าที่ฟื้นตัวและความแข็งแกร่งของผู้บริโภคที่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นผลรวมของกิจกรรมสินค้าและบริการทั่วทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 3% ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน หลังปรับปัจจัยฤดูกาลและอัตราเงินเฟ้อ

ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่บริษัทดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% และเป็นการพลิกกลับจากการติดลบ 0.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการนำเข้าที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งการนำเข้าจะหักออกออกจากจีดีพี ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากร

ตลาดการเงินแทบไม่ตอบสนองต่อรายงานดังกล่าว โดยดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น

“คำกล่าวประจำฤดูร้อนสำหรับเศรษฐกิจคือ ‘ความแข็งแกร่ง’” เฮเธอร์ ลอง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Navy Federal Credit Union กล่าว “ผู้บริโภคยังคงอดทนรออยู่ แต่ยังคงกังวลจนกว่าข้อตกลงการค้าจะเสร็จสิ้น”

ช่วงเวลากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่รายงานในวันพุธรวมถึงช่วงการประกาศภาษีศุลกากร “วันปลดปล่อย” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน ก่อนหน้าการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสแรก เนื่องจากบริษัทต่างๆ พยายามนำเข้าล่วงหน้าก่อนการประกาศขึ้นภาษีดังกล่าว

ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เข้าร่วมการเจรจาที่ดุเดือดและเข้มข้นหลายครั้งกับคู่ค้าของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความกังวลใจ แต่ถึงกระนั้นก็พ้องไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแต่ยังแข็งแกร่ง

การเจรจาส่วนใหญ่ส่งผลให้กำแพงภาษีศุลกากรสูงกว่าระดับที่ประกาศไว้ในช่วงต้นปี แต่ไม่รุนแรงเท่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก

“เรื่องราวฝ่ายต่อต้านทรัมป์คือเรากำลังจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอันเนื่องมาจากภาษีศุลกากร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นและทำให้ผู้บริโภคแห่กันออกจากตลาด” เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวกับซีเอ็นบีซี “ที่จริงแล้ว ทุกอย่างเกี่ยวกับรายงาน GDP ฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง”

การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาสที่สอง ดีกว่าการขยายตัว 0.5% ในช่วงเวลาก่อนหน้าแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าการส่งออกจะลดลง 1.8% ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่การนำเข้ากลับร่วงลงแรง 30.3% พลิกกลับจากการพุ่งขึ้นแรง 37.9% ในไตรมาสแรก

ตัวเลข GDP แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในทุกภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังไม่หายไป

ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อหลักของธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 2.1% ในไตรมาสนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของธนาคารกลางเล็กน้อย อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน PCE ซึ่งเฟดมองว่าเป็นตัวชี้วัดที่ดีกว่าสำหรับแนวโน้มระยะยาว เนื่องจากไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 2.5% เทียบกับตัวเลขในไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.7% และ 3.5% ตามลำดับ

เฟดประชุมในวันพุธนี้ และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนไว้ที่ 4.25-4.5% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่เคยเป็นมาตั้งแต่เดือนธันวาคม

  • ทรัมป์ย้ำขอให้เฟดลดดอกเบี้ยลง

ทรัมป์ตอบสนองต่อรายงาน GDP ด้วยการเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ย

“GDP ไตรมาส 2 เพิ่งออกมา: 3% ดีกว่าที่คาดไว้มาก!” ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social โดยทรัมป์เอ่ยถึงชื่อล้อเลียนที่เขาตั้งให้กับเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด พร้อมเสริมว่า “‘นายสายเกินไป’ ต้องลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว อย่าให้เงินเฟ้อเกิดขึ้น! ปล่อยให้ประชาชนซื้อและรีไฟแนนซ์บ้าน!”

  • สัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวบางส่วน

การบริโภคขั้นสุดท้าย ( Final sales to private domestic purchasers) ซึ่งสะท้อนอุปสงค์ในประเทศ และเป็นตัวชี้วัดที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จับตามองอย่างใกล้ชิด เพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ลดลงจาก 1.9% ในไตรมาสที่ 1 และเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2565

ทรัมป์บ่นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจำนองที่สูง ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดรั้งตลาดที่อยู่อาศัย การลงทุนด้านที่อยู่อาศัยลดลง 4.6% ในไตรมาสที่ 2

ขณะเดียวกัน GDP ก็เติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยไม่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายของรัฐบาล โดยรายจ่ายของรัฐบาลกลางลดลง 3.7% หลังจากการลดลง 4.6% ในไตรมาสแรก การใช้จ่ายของมลรัฐและหน่วยงานท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 3%

  • เศรษฐกิจโตชะลอลงในครึ่งแรกของปี

บลูมเบิร์ก รายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้ชะลอตัวลงในช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่าย หลังจากการจับจ่ายใช้สอยอย่างมากในปลายปี 2567 และบริษัทต่าง ๆ ต้องปรับตัวกับนโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง

แม้ว่าจังหวะการเติบโตยังคงแข็งแกร่ง แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยอยู่ที่ 1.25% ในครึ่งแรกของปี ลดลงจากอัตรา 2.25% ในช่วงเดียวกันของปี 2024

ในไตรมาสสอง การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นสองในสามของ GDP เพิ่มขึ้น 1.4% แม้ว่าจะดีขึ้นจากการเติบโตที่ชะลอตัวเพียง 0.5% เมื่อต้นปี แต่ก็ยังคงเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดติดต่อกันตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19

การลงทุนของภาคเอกชน ขยายตัวในอัตราที่ช้าลงมากในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน

เนื่องจากความผันผวนในด้านการค้าและสินค้าคงคลังได้บิดเบือนภาพรวมของ GDP ในปีนี้ นักเศรษฐศาสตร์จึงให้ความสนใจมากขึ้นกับ ตัวเลขการบริโภคขั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่แคบลงของความต้องการ โดยตัวชี้วัดนี้เพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ในไตรมาสที่สอง ซึ่งต่ำสุดตั้งแต่สิ้นปี 2565

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...