ทำความรู้จัก! พระสันตะปาปาองค์ใหม่ "โป๊ปเลโอ ที่ 14"
ทำความรู้จัก! พระสันตะปาปาองค์ใหม่ "โป๊ปเลโอ ที่ 14" ชาวอเมริกันองค์แรกในประวัติศาสตร์
สำหรับการประชุมคณะพระคาร์ดินัลเพื่อเลือกตั้งพระสันตะปาปา (Conclave) ได้ลงมติเลือก พระคาร์ดินัล โรเบิร์ต พรีโวสต์ วัย 69 ปี ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์ที่ 267 แห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิก โดยทรงได้รับพระนามว่า "สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14"
การแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายประวัติศาสตร์ เนื่องจากพระองค์ทรงเป็น พระสันตะปาปาชาวอเมริกันองค์แรก แม้บางฝ่ายมองว่าทรงใกล้ชิดกับละตินอเมริกามากกว่า เพราะทรงถือสองสัญชาติ (อเมริกัน-เปรู) และเคยใช้เวลาหลายปีรับใช้ในเปรูในฐานะมิชชันนารีและพระสังฆราช
พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ประสูติเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1955 ณ เมืองชิคาโก ในครอบครัวผู้อพยพจากฝรั่งเศสและสเปน ทรงบวชเป็นบาทหลวงในปี 1982 และในปี 1985 ได้เดินทางไปยังประเทศเปรู ซึ่งทรงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฐานะศิษยาภิบาล ครู และนักบวชในเขตเมืองทรูฮีโย (Trujillo)
พระองค์มีชื่อเสียงจากการทำงานใกล้ชิดกับชุมชนยากไร้ และมุ่งเน้นการเยียวยาและเชื่อมความเข้าใจในสังคม ต่อมาในปี 2014 พระสันตะปาปาฟรานซิส ได้แต่งตั้งให้เป็น พระสังฆราชแห่งชิกลาโย ประเทศเปรู และในปี 2023 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัล รวมถึงดำรงตำแหน่งหัวหน้าสมณกระทรวงบิชอป หน่วยงานสำคัญที่กำกับดูแลการแต่งตั้งบิชอปทั่วโลก
ผู้ที่เคยร่วมงานกับพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ต่างยืนยันว่า พระองค์เป็นบุคคลที่ "เข้าถึงง่าย" "ติดดิน" และ "ห่วงใยผู้ยากไร้" เป็นอย่างยิ่ง พระองค์ยังเคยเล่าถึงรากเหง้าครอบครัวในฐานะลูกหลานผู้อพยพ และการเติบโตท่ามกลางค่านิยมของครอบครัวคาทอลิก
แม้จะมีข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นในช่วงที่ทรงประจำการอยู่ในเปรู แต่ทางสังฆมณฑลที่เกี่ยวข้องได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างชัดเจน
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ถูกมองว่าเป็นผู้สืบทอดแนวทางปฏิรูปของ พระสันตะปาปาฟรานซิส ทั้งในเรื่องของผู้อพยพ ความยุติธรรมทางสังคม และสิ่งแวดล้อม พระองค์เคยวิจารณ์นโยบายเนรเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ และแสดงจุดยืนต่อสาธารณชนในเรื่องความจำเป็นของการดูแลผู้อพยพด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
การเลือกใช้พระนาม "เลโอ" ยังสื่อถึงความตั้งใจในการสานต่อเจตนารมณ์ของ พระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ผู้เขียนสารสังฆราชเกี่ยวกับสิทธิแรงงานในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอุตสาหกรรม
ในปี 2023 พระองค์สนับสนุนการให้สตรีมีบทบาทในสมณกระทรวงบิชอป พร้อมกล่าวว่า "มุมมองของพวกเธอเสริมสร้างศาสนจักรได้อย่างมหาศาล" และในปี 2024 ก็ได้เน้นถึงบทบาทของสตรีในการคัดเลือกบิชอปอย่างชัดเจน
พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ยังแสดงความห่วงใยต่อปัญหาโลกร้อน โดยเรียกร้องให้โลก "เปลี่ยนจากคำพูดเป็นการลงมือทำ" และสนับสนุนโครงการสีเขียวของวาติกัน เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และใช้รถยนต์พลังงานสะอาดในกรุงโรม
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 จึงเป็นผู้นำศาสนจักรที่ได้รับการยอมรับทั้งจากผลงานในระดับท้องถิ่นและวิสัยทัศน์ระดับโลก เป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงศาสนาเข้ากับความเป็นธรรมทางสังคมในศตวรรษที่ 21