กองทัพ ลุย'ปิดเกม'กัมพูชา เปิด2ขุนศึก 'สรัย ดึก -ฮิง บุนเฮียง'ก่อนรบไทย
“กองทัพบก” จับสัญญาณอย่างมีนัยสำคัญที่ส่งผลต่อชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนที่จะมีการปะทะในพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 ธ.ค.2568 เวลา 14.16 น. ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
คือการปรากฎตัวครั้งแรกของ “พล.ท.สรัย ดึก” รอง ผบ.ทบ.และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 (ผบ.พล.สสน.3) เมื่อ 3 ธ.ค. ในรอบ 4 เดือน หลังมีกระแสข่าวเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยเครื่องบิน F-16 ของไทย ในเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างวันที่ 24 -28 ก.ค.
ไม่เพียงแต่ “พล.ท.สรัย ดึก” ซึ่งเปรียบเป็น ขุนศึกคู่ใจ และรับคำสั่งโดยตรงจาก “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกฯกัมพูชาแล้ว ยังมี พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผู้บัญชาการกองบัญชาการองครักษ์ของกัมพูชา (BHQ) อีกคน
สื่อออนไลน์กัมพูชา ตีข่าวใหญ่ ยืนยันถึงการมีชีวิตอยู่ของ “พล.ท.สรัย ดึก” เคียงข้าง “พล.อ.เมา โซะพัน” รอง ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ. และ “กีม ริทธี” ผู้ว่าจังหวัดพระวิหาร
โดยทั้งหมดได้เข้าร่วมประชุมกับ เจ้าชายเมน ซามอน ที่ปรึกษาอาวุโสของพระมหากษัตริย์ ที่กองบัญชาการพลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 9 (บก.พลน้อย.สสน.9) อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประมาณ 25 กิโลเมตร
ก่อนเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา 1 วัน พล.ท.สรัย ดึก และพล.อ.ฮิง บุนเฮียง ร่วมคณะรองนายกฯ ฮุน มานี เดินทางไปยังชายแดน จ.พระวิหาร เพื่อให้กำลังใจ และมอบสิ่งของให้ทหารแนวหน้า เมื่อ 6 ธ.ค.2568
อีกปัจจัยหนึ่ง กัมพูชาเพลี่ยงพล้ำในเวทีประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 (22MSP) ณ สำนักงานองค์การสหประชาชาติ
หลังจาก สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ พร้อมทีมงาน เปิดหลักฐานคลิปกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยไทย ส่งผลทหารไทยสูญเสียขา 7 นาย เพื่อลดทอนน้ำหนักคำกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชาว่า ไทยเป็นประเทศใหญ่กว่า แต่รังแกประเทศเล็กกว่า
ขณะที่ท่าที ผู้นำเหล่าทัพ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งเตรียมพร้อมรบ 100% โดยให้แนวทางกับกำลังรบทุกกองทัพภาค ในการสนับสนุนกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ปฏิบัติภารกิจ
“รบแล้วเราต้องชนะ ต้องปลอดภัย ถ้ารบชนะ ลูกน้องเสียหายไม่ได้ ประชาชนไม่ปลอดภัยไม่ดี ทำให้ทุกคนต้องปลอดภัย ภารกิจบรรลุความสำเร็จ และให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด” ผบ.ทบ.ลั่น
นอกจากนี้ ยังสะท้อนผ่าน พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะผู้ปรับปรุง“แผนจักรพงษ์ภูวนารถ” หลังปฏิบัติการรอบที่แล้วยังไม่เป็นไปตามความมุ่งหมาย ไม่สามารถทำให้กัมพูชาหมดสิ้นสภาพภัยคุกคามได้
“เป้าหมายคือ กองทัพบกจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพ ขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”
โดยการปะทะรอบใหม่นี้ กองทัพบกหวังยึด 3 พื้นที่ให้เบ็ดเสร็จ ประกอบด้วย “เนิน 350 ปราสาทตาควาย” อ.พนมดงรักษ์ “ปราสาทคนา” อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ “ห้วยตามาเรีย”พื้นที่ใกล้เคียงภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ พร้อมใช้ปฏิบัติการทางอากาศปูพรมเปิดทางกำลังรบภาคพื้น
แหล่งข่าว ทภ.2 เปิดเผยข้อมูลฝ่ายกัมพูชา ถึงสายการบังคับบัญชาของกัมพูชา แตกต่างจากของกองทัพไทย ซึ่งมีการสั่งการตามลำดับชั้น แต่กัมพูชาทุกอย่างสั่งตรงมาจากฮุน เซน แต่เพียงผู้เดียว และคนที่ฮุน เซนไว้ใจมากที่สุด คือ พล.ท.สรัย ดึก และพล.อ.ฮิง บุนเฮียง จึงเป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใด กำลังกัมพูชาหน้าแนว กับฝ่ายนโยบายกัมพูชา ถึงคิดไม่เหมือนกัน
แหล่งข่าว ทภ.2 ระบุต่อว่า ฮุน เซน ใช้วิธีแบบโลกคอมมิวนิสต์เก่า ด้วยการรวมศูนย์อำนาจ ไม่มีขั้นตอน ระเบียบแบบแผน อาศัยความชำนาญ เช่น ชำนาญพื้นที่ การรบในป่า ในขณะฝ่ายไทย ยุทธวิธีก็ไม่ได้ตรงตามที่ฝึก เนื่องจากสนามรบเป็นพื้นที่ป่าเขา ขึ้นอยู่กับแต่ละฝ่ายจะปรับยุทธวิธีให้สอดคล้องกับสนามรบอย่างไรเพื่อชิงความได้เปรียบ นอกจากนี้ ยังต้องต่อสู้กันด้วยความคิด มันสมอง งานด้านข่าวกรอง และเครื่องมือทันสมัยกว่า
“สิ่งที่ยาก คือยังอ่านเกมไม่ออก ฮุน เซน คิดอะไร ทหารหน้าหน้าแนว เขาคิดอะไร ต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ฮุน เซน อยู่ในโลกยุคเก่า คิดเอง วางเกมเองทั้งหมด” แหล่งข่าว ทภ.2 ระบุ
สถานการณ์ไทย-กัมพูชา การปะทะยังคงมีต่อเนื่อง และขยายวงกว้าง จากพื้นที่ ทภ.2 ไปยังพื้นที่ ทภ.1 บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งกำลังทั้งสองฝ่ายค้ำยันกันอยู่
คาดว่าอีกไม่กี่วัน สถานการณ์จะลุกลามไปยังพื้นที่กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราด ของกองทัพเรือ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการอพยพคนออกจากพื้นที่เสี่ยง
ส่วนนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เชื่อมั่นแสนยานุภาพของกองทัพไทย ส่งสัญญาณชัดให้เร่งปิดจ๊อบปัญหาชายแดน "ไม่เจรจา-ต่อรอง" จนกว่ากัมพูชาจะยอมรับข้อเสนอไทยแบบไร้ข้อแม้