โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

สหรัฐฯ เตรียมขอตรวจประวัติการใช้โซเชียลมีเดียของนักท่องเที่ยว ย้อนหลัง 5 ปี

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว
สหรัฐฯกำหนดมาตรการเข้มงวดเพิ่มเติมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศ โดยอาจขอตรวจประวัติการใช้โซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปี เป็นเงื่อนไขในการเข้าประเทศ

นักท่องเที่ยวจากหลายสิบประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร อาจถูกขอให้ส่งประวัติการใช้โซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปี เป็นเงื่อนไขในการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ตามข้อเสนอใหม่ที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯเพิ่งเปิดเผย โดยเงื่อนไขใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อผู้เดินทางจากหลายสิบประเทศที่มีสิทธิ์เข้าประเทศสหรัฐฯ ได้ 90 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า ตราบใดที่กรอกแบบฟอร์มอนุมัติการเดินทางผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESTA)

หลังจากกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คุมเข้มบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ มากขึ้นโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติเป็นหลัก

นักวิเคราะห์ระบุว่า แผนใหม่นี้อาจเป็นอุปสรรคต่อผู้ที่ต้องการเดินทาง หรืออาจกระทบสิทธิด้านดิจิทัลของพวกเขา

สหรัฐฯ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าประเทศจำนวนมากในปีหน้า เนื่องจากจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกชายร่วมกับแคนาดาและเม็กซิโก และเจ้าภาพโอลิมปิก 2028 ที่ลอสแอนเจลิส

เอกสารข้อเสนอนี้ถูกยื่นโดยสำนักงานศุลกากรและป้องกันพรมแดน (CBP) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่าเอกสารดังกล่าวปรากฏใน Federal Register ซึ่งเป็นวารสารราชการของรัฐบาลสหรัฐฯ

ข้อเสนอระบุว่า “ข้อมูลส่วนนี้จะกำหนดให้ผู้สมัคร ESTA ให้ข้อมูลโซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปี” โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่าต้องเป็นข้อมูลประเภทใดบ้าง

ปัจจุบันแบบฟอร์ม ESTA ต้องการข้อมูลจากผู้เดินทางแค่ค่อนข้างจำกัด และมีค่าธรรมเนียมครั้งเดียว 40 ดอลลาร์สหรัฐ เปิดให้ใช้กับพลเมืองจากราว 40 ประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น โดยอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศได้หลายครั้งภายในระยะเวลา 2 ปี

นอกจากข้อมูลโซเชียลมีเดียแล้ว เอกสารใหม่ยังเสนอให้เก็บหมายเลขโทรศัพท์ของผู้สมัครย้อนหลัง 5 ปี และอีเมลที่เคยใช้ย้อนหลัง 10 ปี รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัว

ทั้งนี้ ข้อความในเอกสารอ้างถึงคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ที่ออกในเดือนมกราคม ชื่อว่า “การปกป้องสหรัฐอเมริกาจากผู้ก่อการร้ายต่างชาติและภัยคุกคามด้านความมั่นคงและความปลอดภัยสาธารณะอื่น ๆ”

รัฐบาลทรัมป์ก่อนหน้านี้เคยกำหนดให้ชาวต่างชาติที่สมัครวีซ่านักเรียน หรือวีซ่าทำงานแบบ H1B สำหรับแรงงานทักษะสูง ต้องเปิดเผยบัญชีโซเชียลมีเดียต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง โดยวีซ่า H1B ยังมีค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นมากด้วย

ในความพยายามเข้มงวดพรมแดนในภาพรวม เจ้าหน้าที่เพิ่งระบุว่า มาตรการห้ามเดินทางเดิมที่ส่งผลกระทบต่อ 19 ประเทศในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และแคริบเบียน อาจขยายเพิ่มเติมอีก โดยการประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเหตุยิงใส่สมาชิกกองกำลังพิทักษ์ชาติ 2 นายในกรุงวอชิงตัน ดีซี. ซึ่งมีชาวอัฟกานิสถานคนหนึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย

ผู้เชี่ยวชาญเคยชี้มาก่อนว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเดินทางภายใต้รัฐบาลทรัมป์ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวสหรัฐฯ

เมื่อต้นปีนี้ สภาการท่องเที่ยวและการเดินทางโลก ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวจาก 184 ประเทศที่คาดว่าจะมีการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงในปี 2025

นโยบายอื่นๆ ของรัฐบาลทรัมป์ก็ส่งผลต่อนักท่องเที่ยวเช่นกัน เช่น ชาวแคนาดาจำนวนมากเลือกคว่ำบาตรการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อประท้วงมาตรการภาษีของทรัมป์

ตามข้อมูลของสมาคมการท่องเที่ยวสหรัฐฯ ระบุว่า เดือนตุลาคมยังเป็นเดือนที่จำนวนผู้เดินทางจากแคนาดาสู่สหรัฐฯ ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 แต่เดิมชาวแคนาดาคิดเป็นราวหนึ่งในสี่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของสหรัฐฯ และใช้จ่ายมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...