นายกฯถกผู้ว่าฯ 7 จังหวัดชายแดน กำชับดูแลประชาชนให้ดีที่สุด
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ได้ประชุมร่วมผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดน ประกอบด้วย ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงติดตามการอพยพและการช่วยเหลือประชาชนจากเหตุปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยนายกฯ ได้กำชับให้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และดูแลในเรื่องของแผนการอพยพ
โดยนายกฯ สั่งการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน อพยพประชาชนไปในที่ปลอดภัย กำชับดูแลประชาชนในศูนย์อพยพให้ดีที่สุด กำชับเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการดูแลพี่น้องประชาชน ห้ามขาดแคลนอาหาร ยา และสิ่งของจำเป็น พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกหน่วยช่วยกันดูแลพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ร่วมกันกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) กองอาสารักษาดินแดน (อส.) เพื่อให้แนวหน้าได้ทำงานโดยไม่ต้องห่วงข้างหลัง และสั่งการให้เตรียมความพร้อมเรื่องโรงพยาบาลดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ เตรียมเลือดให้พร้อม และให้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดูแลพี่น้องประชาชนในศูนย์อพยพ
ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี เปิดเผยหลังการประชุมว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนทั้ง 7 พื้นที่ ใช้เงินทดรองราชการ และงบประมาณกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน อีกทั้งกำชับในส่วนของโรงพยาบาล ขณะนี้ได้ขยายวงเงินให้ผู้ว่าฯ ในแต่ละจังหวัดชายแดนเป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท หลังจากนี้ หากงบประมาณหมดยังสามารถขยายได้อีก และยังมีการสั่งการให้หนุนหน่วยแพทย์ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในการดูแลประชาชน ดูแล อส. และชรบ. ซึ่งทำหน้าที่ในการปกป้องทรัพย์สินให้ประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดรายงานว่าประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ 80-90 เปอร์เซ็นต์แล้ว.