'หยุดก่อนเลือก' ศิลปะของการตัดสินใจ ให้ไม่เสียใจทีหลัง
มีหลายครั้งในชีวิตที่เราไม่ได้ตัดสินใจพลาดเพราะคิดไม่รอบคอบ แต่เพราะเราคิดในวันที่ใจยังไม่พร้อมจะคิด
.
อาจเป็นช่วงที่เหนื่อย สับสน หรือถูกสถานการณ์บีบจนรู้สึกว่า ถ้าไม่รีบเลือกตอนนี้ เดี๋ยวทุกอย่างจะยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม หรือช่วงที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงเร่งว่า “ต้องตัดสินใจแล้วนะ อย่าปล่อยให้มันค้าง” “เลือกไปเถอะ จะได้จบ”
.
ช่วงเวลาแบบนี้มักเกิดขึ้นตอนชีวิตกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจไม่ได้มีเหตุการณ์ใหญ่อะไรเกิดขึ้นเลย แต่ข้างในกลับรู้สึกชัดเจนว่า การอยู่แบบเดิมต่อไปมันไม่ไหวอีกแล้ว
.
สิ่งที่หลายคนทำโดยอัตโนมัติ คือพยายามเร่งหาคำตอบ คิดให้เยอะขึ้น คิดให้เร็วขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้ว สิ่งที่ขาดอยู่ไม่ใช่ความคิด แต่คือ “จังหวะพัก” ให้ใจได้ตั้งหลักก่อน
.
.
ทำไมการหยุดถึงช่วยให้คิดได้ดีขึ้น
.
เวลาที่เราเครียดหรืออารมณ์รุนแรงสมองจะไม่ทำงานแบบที่เราคาดหวัง จะไม่สนใจภาพระยะยาว ไม่สนใจว่าอะไรเหมาะกับชีวิตเรา แต่จะโฟกัสอยู่กับเรื่องเดียวคือ จะทำอย่างไรให้ความอึดอัดตรงหน้าหายไปให้เร็วที่สุด
.
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายครั้งเราถึงเลือกบางอย่างไม่ใช่เพราะมันใช่ แต่เพราะช่วยให้รู้สึกโล่งขึ้นในตอนนั้น
.
การหยุดก่อนตัดสินใจจะช่วยดึงเราออกจากโหมดที่คิดเพื่อเอาตัวรอด กลับมาเป็นโหมดที่คิดเพื่อใช้ชีวิต และแทนที่จะถามแค่ว่าจะหนีออกจากตรงนี้อย่างไร เราจะเริ่มถามตัวเองว่าทางเลือกแบบไหนเหมาะกับเราจริงๆ
.
.
หยุดให้ทันก่อนที่อารมณ์จะตัดสินใจแทนเรา
.
แน่นอนว่าทุกคนเคยหยุด เคยเว้นจังหวะ เคยบอกตัวเองว่า “ขอคิดก่อน”
.
แต่การหยุดที่เราทำกันเป็นประจำมักจะเป็นแค่การหยุดเพราะยังคิดไม่ออก หรือหยุดเพราะไม่อยากเลือกในตอนนั้น ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยหวังว่าเดี๋ยวอะไรๆ คงชัดเจนขึ้นเอง
.
สิ่งที่เรียกว่า การหยุดอย่างมีกลยุทธ์ (Strategic Pause) แตกต่างจากการหยุดแบบนั้น เพราะไม่ใช่การเลี่ยงไม่ตัดสินใจและไม่ใช่การปล่อยให้เรื่องค้างไปเรื่อยๆ
.
แต่คือการหยุดที่รู้ตัวว่าถ้าเลือกตอนนี้เรามีโอกาสสูงมากที่จะเลือกจากความกลัว ความรีบ หรือแรงกดดันตรงหน้า ไม่ใช่จากความชัดเจนที่เราต้องการจริงๆ
.
การหยุดแบบนี้จึงเป็นการยอมรับตรงๆ ว่า วันนี้ยังไม่จำเป็นต้องตอบ วันนี้ยังไม่จำเป็นต้องเลือก และการรอในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการไม่รับผิดชอบชีวิต แต่คือการดูแล “คุณภาพ” ของการตัดสินใจให้ดีพอ
.
ในชีวิตประจำวันเราเจอสถานการณ์แบบนี้อยู่ตลอด เช่น อีเมลที่อ่านแล้วรู้สึกหงุดหงิด ข้อเสนอที่อาจจะดูดีแต่ยังไม่แน่ใจว่าควรตัดสินใจอย่างไร หรือคำพูดบางอย่างที่พอฟังแล้วอยากจะโต้กลับทันที หลายครั้งเราไม่ได้อยากตอบแบบนั้นจริงๆ แต่แค่อยากระบาย อยากให้ความอึดอัดจบลงเร็วๆ
.
แทนที่จะรีบตอบ ลองเปลี่ยนมาเป็นแค่ “หยุดก่อนตอบ” หยุดถามตัวเองสั้นๆ ว่า ตอนนี้เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ และถ้ามองย้อนกลับมาในอีกไม่กี่วัน เราจะยังอยากตอบแบบนี้อยู่ไหม
.
จังหวะสั้นๆ แบบนี้อาจดูเหมือนไม่สำคัญอะไร แต่จะช่วยกันเราออกจากการตัดสินใจที่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังได้
.
.
บางช่วงของชีวิตต้อง “หยุด” นานกว่านั้น
.
นอกจากการหยุดสั้นๆ ยังมีบางช่วงที่ชีวิตต้องการการหยุดที่ยาวนานกว่านั้น เช่น ตอนสูญเสียใครบางคน ตอนถูกเลิกจ้าง ตอนหมดไฟ หรือตอนที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
.
ช่วงเวลาแบบนี้มักจะมีแรงกดดันตามมาว่า เราต้องรีบตัดสินใจ ต้องรีบเดินต่อ หรืออย่างน้อยก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตให้เหมือนเดิมให้ได้ แต่หลายครั้งการรีบเลือกก็แค่ช่วยให้ความอึดอัดจบลงชั่วคราว สุดท้ายเราก็จะกลับไปอยู่จุดเดิม ไม่ได้เดินไปข้างหน้าจริงๆ
.
การหยุดในช่วงนี้จะไม่ใช่การอยู่นิ่ง แต่คือการให้พื้นที่กับตัวเองได้อยู่กับความคิดและความรู้สึก โดยไม่ต้องรีบแก้ ไม่ต้องรีบตัดสินใจ และไม่ต้องรีบพิสูจน์อะไรกับใคร
.
แล้วเราจะหยุดอย่างไรไม่ให้หลงทาง?
.
การหยุดที่ดีไม่ใช่การปล่อยชีวิตไหลไปเรื่อยๆ แต่คือการหยุดอย่างรู้ตัว และใช้เวลานั้นให้เกิดประโยชน์ โดยเริ่มจาก 5 เรื่องนี้
.
1. ระบุให้ชัดว่ากำลังตัดสินใจเรื่องอะไรอยู่
เขียนออกมาให้ชัด ไม่คลุมเครือ จะช่วยลดความฟุ้งซ่านและความกังวล
.
2. ให้เวลาคิดแบบตั้งใจ ไม่รีบ ไม่ดอง
ตัดสินใจว่าจะให้เวลาคิดนานแค่ไหน เช่น 2 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน ไม่ปล่อยค้างไว้เรื่อยๆ
.
3. อย่าเพิ่งตัดสินใจตอนกำลังกลัวหรือกังวล
เวลาที่กลัวหรือกังวลเรามักจะรีบตัดสินใจเพื่อให้ความเครียดจบเร็วๆ ลองรอให้อารมณ์เบาลงก่อน แล้วดูว่ายังคิดแบบเดิมอยู่ไหม
.
4. ลองก่อนตัดสินใจจริง
ทดลองแบบเล็กๆ เก็บข้อมูลจากประสบการณ์จริง ก่อนผูกมัดระยะยาว
.
5. กลับมาถามใจตัวเองเรื่องคุณค่าในชีวิต
บทต่อไปของชีวิตอยากได้อะไรเพิ่ม เช่น ความมั่นคง ความหมาย อิสระ หรือการเติบโต
.
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราเริ่มแยกออกว่า อะไรคือความกลัวชั่วคราว และอะไรคือสิ่งที่สำคัญกับชีวิตเราจริงๆ
.
.
ในโลกที่ทุกอย่างเหมือนต้องรีบไปหมด การหยุดอาจดูเหมือนเสียเวลา แต่จริงๆ แล้ว การไม่หยุดเลยต่างหากที่จะทำให้เราต้องกลับมาแก้เรื่องเดิมซ้ำๆ เสียทั้งเวลาและพลังมากกว่าเดิม
.
การหยุดอาจยังไม่ให้คำตอบกับเราทันที แต่จะช่วยให้เราตั้งคำถามได้ดีขึ้น และบ่อยครั้ง นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจที่ทำให้เราไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
.
.
อ้างอิง
- How Strategic Pauses Improve Decisions in Life Transitions : James R Langabeer Ph.D., Ed.D., Psychology Today – https://bit.ly/49bZiZ7
- The Mind of the Leader: Why Pausing Creates Better Decisions : Sarah Thompson, Ahead – https://bit.ly/4sszAZp
.
.
#life
#การตัดสินใจ
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast