โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

10 ห้างสรรพสินค้า ไม่เท่า 1 อีคอมเมิร์ซ | BI Opinion

Brand Inside

อัพเดต 02 ก.ย 2562 เวลา 04.54 น. • เผยแพร่ 02 ก.ย 2562 เวลา 04.46 น. • BrandInside admin
Opinion

โดย ปฐม อินทโรดม

สำหรับขาช็อป ไม่มีอะไรสนุกและสะดวกสบายไปกว่าการช็อปปิ้งออนไลน์ อยากได้อะไรก็ใช้โน้ตบุ้ค มือถือหาเอา จะเป็นเวลาไหนก็ไม่เกี่ยง ไม่ต้องแอบโดดงานไปช็อปปิ้งเหมือนเมื่อก่อน จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ข้อมูลจากหลาย ๆ เว็บไซต์ระบุว่า“เช้าวันทำงาน” เป็นช่วงเวลาที่คนนิยมช็อปออนไลน์สูงสุด

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ตลาดออนไลน์จึงเป็นธุรกิจอันหอมหวน ท่ามกลางการเติบโตของเว็บอีคอมเมิร์ซแบบMarketplace เราจึงเห็นยอดขายของLazada, Shopee, JD Central พุ่งกระฉูด แต่ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้กลับติดลบขาดทุนกันมโหฬาร

ภาพจาก Shutterstock

ช่วงปี2016 เราเคยตื่นเต้นกับเว็บอีคอมเมิร์ซสัญชาติเกาหลีชื่อดัง11Street ที่ดึงซุปเปอร์สตาร์อย่างจุงกิมาช่วยโปรโมทแคมเปญลดสนั่นในบ้านเราก่อนจะปิดตัวดังสนั่นไม่แพ้กันด้วยยอดขาดทุนเบาะๆ1,127 ล้านบาท

แต่รายที่เหลือรอดมาถึงวันนี้ก็ใช่ว่าจะหายใจได้คล่องคอ น้องใหม่อย่างJD Central ที่ถือกำเนิดตามมามียอดขาดทุนสะสมถึงปี2018 ประมาณ4,743 ล้านบาท ตามติดด้วยShopee ที่ทำตัวเลขได้น่าอัศจรรย์พอกันคือขาดทุนสะสมตั้งแต่ปี2015-2018 รวม6,256 ล้านบาท

มาดูเบอร์1 ที่ครองตลาดมานานหลายปีอย่างLazada ย้อนหลังไป5 ปีนับจากปี2014 ที่ขาดทุน863 ล้าน มาเป็น2,645 ล้านในปี2018 รวมขาดทุนทั้งสิ้น8,149 ล้านบาท คาดว่ารวมกับผลประกอบการปีนี้น่าจะทะลุไปที่หลักหมื่นล้านบาทได้ไม่ยาก และถ้ารวมทุกเจ้าเข้าด้วยกันก็นับยอดขาดทุนทะลุ2 หมื่นล้านบาทไปสบายๆ

ภาพจาก Shutterstock

นับได้ว่าแต่ละเจ้าไม่มีใครหวังกำไร แล้วผลตอบแทนที่ได้คืออะไร หากจับเฉพาะเจ้าตลาดคือLazada ที่มียอดรายได้สะสม5 ปีอยู่ที่18,583 ล้านบาท การจะทำรายได้ขนาดนี้ต้องดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาแวะดูโปรโมชั่นต่างๆ ในเว็บให้ได้เสียก่อน ซึ่งเราจะพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วLazada จะสร้างTraffic หรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ราว43 ล้านคนต่อเดือน โดยมีShopee จ่อคอหอยด้วยยอด31 ล้านคน

ไม่ต่างอะไรกับห้างสรรพสินค้าที่ต้องหาทางจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดคนไปเดินเล่นในห้างเผื่อจะซื้อของติดไม้ติดมือกลับไป ห้างใหญ่ ๆ อย่างCentral ลาดพร้าว จึงต้องมีคนเดินประมาณวันละ150,000 คน หรือคิดเป็น4.5 ล้านคนต่อเดือน

หากคิดว่าLazada ลงทุนไปเกือบหมื่นล้านบาท หากไม่ทำออนไลน์แล้วหันมาสร้างห้างแทนจะเป็นอย่างไร เราจะพบว่างบประมาณเท่านี้สร้างห้างขนาดยักษ์ที่มีพื้นที่ราว5 แสนตารางเมตรอย่างCentral Plaza WestGate ได้พอดิบพอดี

ภาพจาก Shutterstock

แต่ห้างLazada จะมีโอกาสดึงดูดคนเข้าห้างได้อย่างมากก็4 – 4.5 ล้านคนต่อเดือนในขณะที่คนเข้าเว็บLazada ทำได้อยู่แล้วถึง43 ล้านคนต่อเดือนหากต้องการยอดผู้เข้าชมเท่าเดิมก็ต้องสร้างอีกอย่างน้อยสิบห้างคิดเป็นเงินลงทุนหลักแสนล้านบาทเลยทีเดียว

ใครที่เคยสงสัยว่าLazada จะขาดทุนขนาดนี้ไปเพื่ออะไรก็น่าจะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เพราะเม็ดเงินที่ใช้กับออนไลน์มันเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและเร็วกว่าธุรกิจเดิม ๆ อยู่มหาศาล การบังเกิดของธุรกิจสตาร์ตอัพทั่วโลกก็เป็นด้วยเหตุผลข้อนี้

แต่ปัญหาอย่างเดียวที่โลกออนไลน์ยังแก้ไม่ตกก็คือ– Conversion Rate – ลองคิดดูว่าห้างใหญ่มีอัตราคนเดินห้างอยู่ที่ประมาณ4.5 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งน้อยกว่าคนเข้าเว็บLazada ซึ่งมีอยู่43 ล้านคนต่อเดือน คิดเป็นอัตราส่วนเกือบ10 เท่า แต่ในแง่ของการสร้างรายได้ ห้างสรรพสินค้ายังทำรายได้ในหลักหมื่นล้านบาทต่อปี ในขณะที่รายได้ของLazada ในปี2018 อยู่ที่7,941 ล้านบาทเท่านั้น

ภาพจาก Shutterstock

นั่นหมายความว่าความสามารถในการแปลงผู้เข้าชมมาเป็นผู้ซื้อของห้างสรรพสินค้า ยังสูงกว่าโลกออนไลน์อยู่หลายสิบเท่า แต่อย่าลืมว่าทุกวันนี้โลกดิจิทัลสร้างเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์เข้ามาจับลูกค้าได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ เรามีทั้งAI, Big Data, IoT ที่เข้ามาช่วยให้นักการตลาดจับพฤติกรรมผู้บริโภคได้ และนำเสนอสินค้าของตัวเองได้ทันก่อนที่ลูกค้าจะไปซื้อที่ห้างเสียอีก

ธุรกิจอีคอมเมิรซ์จึงมีโอกาสที่จะขยายระบบนิเวศหรือEcosystem ของตัวเองให้ขยายครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้มากที่สุด เช่นShopee ที่เติบโตจากเครือSEA ซึ่งมีทั้งเกมออนไลน์​ และบริการPayment ซึ่งล้วนส่งเสริมธุรกิจกันอย่างเป็นระบบ

แวดวงค้าปลีกจึงตื่นตัวกับกระแสNew Retail ที่จับเอาพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้ามารวมด้วยกัน แล้วอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อจับลูกค้าอย่างเราให้อยู่หมัด จะมาห้างก็ต้องหาทางไปเคาน์เตอร์ที่มีNotification มาว่าได้สิทธิพิเศษ ได้ของแถม ได้ส่วนลด ซึ่งเป็นผลมาจากการให้ข้อมูลส่วนตัวของเรากับระบบ

ภาพจาก Shutterstock

ไม่ว่าเราจะซื้ออะไรไป ไม่ว่าจะสั่งออนไลน์หรือซื้อที่ห้าง ก็ถูกระบบBig Data ทำPredictive Analytics พยากรณ์ว่าตัวเรานี้น่าจะเหมาะกับสินค้ารุ่นใหม่ที่กำลังจะวางขายในอีก3 เดือนข้างหน้า ห้างจะสั่งผลิตหรือนำเข้าก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีสต็อคเกินเพราะระบบแม่นยำมาก แถมยังเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินวิเคราะห์สินเชื่อส่วนบุคคลได้ด้วยว่ามีเครดิตดีเพียงพอไหมหากจะเสนอโปรโมชั่นผ่อนจ่าย0% เพื่อกระตุ้นยอดขาย

ห้างยักษ์ใหญ่ของไทยจึงกระโจนลงมาในสมรภูมิออนไลน์อย่างไม่คิดอะไรมาก ส่วนยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่างLazada, Shopee ซึ่งสายป่านยาวอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องเร่งสร้างEcosystem ของตัวเองให้ครบวงจรมากขึ้นถึงจะแข่งกับเจ้าพ่อค้าปลีกของไทยได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...