โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ตลาดหุ้นไทย ได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า

การเงินธนาคาร

อัพเดต 02 เม.ย. เวลา 15.17 น. • เผยแพร่ 02 เม.ย. เวลา 07.52 น.

นักลงทุนรอผลสรุปการขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐ ช่วงเวลาตี 2 ของคืนวันที่ 2 เม.ย.2568 ตามเวลาไทย ตลาดหุ้นไทย จะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด หากโดนขึ้นภาษีนำเข้า ขณะที่รายได้บจ. ไทย พึ่งพิงส่งออกไปสหรัฐฯ 3.5% คิดเป็นมูลค่า 6.5 แสนล้านบาท

นับถอยหลังเวลาตี 2 คืนวันที่ 2 เม.ย.2568 ตามเวลาไทย สหรัฐฯ จะประกาศการขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ว่าจะมีสินค้าอะไรและประเทศใดบ้างที่ติดรายชื่อ

ตั้งแต่มีกระแสความกังวลการขึ้นภาษีศุลกากร (TAX TARIFF) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้มีความไม่แน่นอนในการลงทุนสูง กดดันให้มูลค่าการซื้อขายของหุ้นไทย (SET) เบาบางลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย (24 มี.ค. - 1 เม.ย.68) อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน ลดลงจากระดับปกติราว 35% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ขณะที่ค่าเฉลี่ยมูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท

บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุล่าสุดมีกระแสข่าวจาก THE WASHINGTON POST รายงานว่า ฝ่ายบริหารของทรัมป์ กำลังพิจารณาเก็บภาษีนำเข้าราว 20% ของสินค้าส่วนใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 เม.ย.2568 โดยฝ่ายวิจัยฯจึงประเมินคร่าวๆว่าจะกระทบต่อบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในตลาดหุ้นไทย (SET) อย่างไรบ้าง

โดยเมื่ออ้างอิงข้อมูลบจ.ใน SET มีรายได้รวม ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 18.7 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นหุ้นที่เพิ่งพิงการส่งออกราว 3.6 ล้านล้านบาท(คิดเป็นสัดส่วนราว 19%) ซึ่งประเทศไทยพึ่งพิงการส่งออกไปสหรัฐฯราว 18.3%

ดังนั้นสามารถประเมินได้ว่ารายได้บจ. ไทย พึ่งพิงการส่งออกไปสหรัฐฯ ราว 3.5% (6.5 แสนล้านบาท) และหากมีการขึ้นภาษีนำเข้า 20% ดังกระแสข่าวดังกล่าว จะทำให้มีสัดส่วนที่โดนผลกระทบราว 1.3 แสนล้านบาท หรือ 0.7% เท่านั้น

บล.เอเซีย พลัส มีมุมมองว่า ตลาดหุ้นไทยตอบรับประเด็นนี้มากในระดับหนึ่งแล้ว สะท้อนได้จากตลอด 5 เดือนที่ทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 (5 พ.ย. 67 –1 เม.ย. 68) หุ้นไทยปรับตัวลง -20% บล.เอเซีย พลัส มองว่าภายใต้ตลาดที่ผันผวน แต่พลังงานแฝงอาจหนุนให้ดัชนีปรับตัวลงหุ้นไทย ( ดาวน์ไซด์) มีจำกัด

"ตลอด 5 เดือน ตลาดหุ้นไทย -20% ตอบรับประเด็นการขึ้นภาษีจากทรัมป์มาระดับหนึ่งแล้ว แต่หากการขึ้นภาษีไม่ได้รุนแรง มีโอกาสเห็นการรีบาวด์กลับขึ้นมา จากพลังสะสมแฝงที่ต่างชาติทยอยซื้อสะสมสุทธิสัญญา SET50 FUTURES กับ CALL OPTION มาระดับหนึ่ง" บล.เอเซีย พลัส ระบุ

นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า แผ่นดินไหวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับสงครามการค้า โดยเฉพาะวันที่ 2 เม.ย.2568 รัฐบาลทรัมป์ประกาศรายชื่อ 15 ประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ (Dirty 15) มองว่านโยบาย Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ เป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มากกว่าภัยธรรมชาติ

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 เติบโต 2.5% หากรัฐบาลสหรัฐฯไม่เก็บภาษีเพิ่มเติม และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง สู่ระดับ 1.75%

  • หากสหรัฐฯ เก็บภาษีกับไทยในอัตรา 6% และ กนง. ลดดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 1.50% เศรษฐกิจไทยอาจเติบโต 2.2%
  • หากสหรัฐฯ เก็บภาษีกับไทย 10% และ กนง. ลดดอกเบี้ยลงอีก 3 ครั้ง สู่ระดับ 1.25% เศรษฐกิจไทยอาจเติบโต 1.7%
  • หากสหรัฐฯ เก็บภาษีกับไทย 16% และ กนง. ลดดอกเบี้ยลงอีก 4 ครั้ง สู่ระดับ 1.00% เศรษฐกิจไทยอาจเติบโต 1.3%

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงาน Wealth Products & Strategy บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า การลงทุนในไตรมาส 2 ยังเผชิญความผันผวนสูงจากมาตรการภาษี Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลก แม้ภาคเทคโนโลยียังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจถูกกดดันจากความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มสูงขึ้นจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากมีความน่าสนใจลดลง และมีความเห็นเป็นกลางกับหุ้นไทยแต่เริ่มมองดาวน์ไซด์จำกัดและมีโอกาสฟื้นตัวได้ระยะสั้น

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกเก็บภาษีดังกล่าว เพราะเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ และมีส่วนต่างของภาษีกับสหรัฐฯ ในระดับค่อนข้างสูง

โดยหากสหรัฐฯ บังคับใช้ Reciprocal Tariffs กับประเทศไทยด้วยการขึ้นภาษีโดยเฉลี่ยราว 5% (อิงมาจากส่วนต่างของอัตราภาษีที่ไทยเรียกเก็บสูงกว่าสหรัฐฯ โดยเฉลี่ย) คาดจะส่งผลกระทบเชิงลบ (Downside Risk) ต่อจีดีพี ไทยในปีนี้ราว 0.3-0.5% จาก ที่บล.ทิสโก้ คาดว่าจะโต 2.8%

อย่างไรก็ดีสัญญาณล่าสุดจากทรัมป์ระบุว่า Reciprocal Tariffs จะมีความยืดหยุ่น และในมุมมองของบล.ทิสโก้เชื่อว่าจะถูกใช้แบบเฉพาะในกลุ่มสินค้าหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (Targeted Tariffs) มากกว่าที่จะใช้เป็นวงกว้างในทุกกลุ่มสินค้า (Broad-based Tariffs) และอาจเปิดช่องในการเจรจาด้วยการทิ้งระยะเวลาการมีผลบังคับใช้อย่างน้อย 30 วันอย่างที่เคยทำมาในช่วงต้นปีนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ตลาดหุ้นทั้งไทยและเทศ ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...