โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

UTPออเดอร์ไหลเข้าพรึ่บ ลุยมาร์จิ้นสูง-ขยายผลิต

ทันหุ้น

อัพเดต 07 ก.ค. 2565 เวลา 23.41 น. • เผยแพร่ 07 ก.ค. 2565 เวลา 23.41 น.

#UTP #ทันหุ้น – UTP ชูดีมานด์ผิวทำกล่องกระดาษเพื่อบรรจุผลิตภัณฑ์ครึ่งหลังปี 2565 ขยายตัวเด่น หลังลูกค้าทยอยส่งออเดอร์เข้ามาต่อเนื่อง ได้อานิสงส์ส่งออก คาดปริมาณการผลิตและจำหน่ายในไตรมาส 3-4/2565 รวมมากกว่า 1.32 แสนตัน อัพเป้ารายได้ปีนี้แตะ 5.7-5.9 พันล้านบาท เดินหน้าลงทุนขยายกำลังผลิตเตรียมเยื้อกระดาษหนุนผลงาน 3 ไตรมาสแรกปี 2566 พุ่งทะยานต่อ

นายวัชชระ ชินเศรษฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UTP ผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษคราฟต์ ประเมินภาพรวมธุรกิจและอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งหลังปี 2565 คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เป็นผลมาจากแนวโน้มความต้องการใช้ผิวทำกล่องกระดาษเพื่อบรรจุผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มากขึ้น ตามปริมาณการจำหน่ายสินค้าทั้งภายในประเทศ รวมถึงการส่งออกต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

*กำลังผลิตสูง 95%

ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อใหม่จากลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟต์สำหรับทำผิวกล่อง (Kraft Liner Board) ที่ให้มาร์จิ้นที่สูงกว่า 15-20% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟต์สำหรับทำลอนลูกฟูก (Corrugating Medium) ให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% ต่อ 60%

สำหรับราคาต้นทุนวัตถุดิบทั้งเศษกระดาษ ถ่านหิน และแป้งมันสำปะหลัง ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีความจำเป็นในการปรับราคาขายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งจะเป็นผลบวกในแง่ของยอดขายที่จะเติบโตขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนอีกด้วย

ขณะที่ในเชิงปริมาณจำหน่ายอาจปรับตัวลดลงจากกำลังการผลิตที่บริษัทมีในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปัจจุบันบริษัทมีการใช้อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ระดับสูงมากกว่า 92-95% แต่ด้วยคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่มีอยู่ในมือทำให้คาดการณ์คร่าวๆ ว่าในช่วงไตรมาส 3-4/2565 จะมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายอยู่ที่ระดับ 67,000 หมื่นตัน และ 65,000 ตัน หรือคิดเป็นรายได้ที่ประมาณ 1,475 ล้านบาท และ 1,430 ล้านบาท ตามลำดับ

จากปัจจัยที่กล่าวมาทำให้บริษัทได้มีการปรับเพิ่มการเติบโตของรายได้ปี 2565 ใหม่เป็น 5,700-5,800 ล้านบาท จากช่วงต้นปีที่วางไว้ 4,500 ล้านบาท

ขณะเดียวกันนั้นบริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตเตรียมเยื้อกระดาษให้เพิ่มอีก 200 ตันต่อวัน เป็น 1,000 ตันต่อวัน จากเดิมที่ทำได้ราว 800 ตันต่อวัน คาดจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานในไตรมาส 1/2566 ทำให้คาดว่าปริมาณการจำหน่ายในช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2566 จะอยู่ที่ 70,000 ตัน, 73,000 ตัน และ 75,000 ตัน ตามลำดับ และคาดว่ารายได้ ในช่วง 3 ไตรมาสแรกในปี 2566 จะทำได้ที่ระดับ 1,540 ล้านบาท, 1,606 ล้านบาท และ 1,650 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับแนวโน้มราคาเศษกระดาษในประเทศขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 8,200-8,300 บาทต่อตัน และในช่วงที่เหลือของปีนี้อาจทรงตัวในระดับสูงที่ราว 9,000 บาทต่อตัน ส่วนราคาเศษกระดาษนำเข้าในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทซื้อมาในระดับราคา 265-270 ดอลลาร์ต่อตัน คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะทรงตัวในระดับดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ การนำเข้าเศษกระดาษจะมีการเจรจาซื้อขายล่วงหน้าแบบรายไตรมาสทำให้สามารถล็อกราคาไว้ได้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการซื้อเศษกระดาษในประเทศกว่า 60% และนำเข้าราว 40%

"ต้องยอมรับว่าในไตรมาสแรกปี 2565 นี้ เรามีการผลิตและจำหน่ายสูงกว่าปกติ ทำให้ปริมาณวัตถุดิบคงคลังปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายในช่วงไตรมาส 2/2565 อาจไม่สูงเท่าไตรมาสแรก แต่เชื่อว่าจะยังคงมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนแน่นอน ตามดีมานด์การใช้บรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษที่ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในตอนนี้เราได้มีการปรับเพิ่มการสต็อกวัตถุดิบไว้ที่ประมาณ 30-45 วันแล้ว" นายวัชชระ กล่าว

**Q2 กำไรโต

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) จำกัด ระบุว่า ทางผู้บริหารปรับเพิ่มรายได้ปี 2565 นี้ ขึ้นเป็น 5.7 พันล้านบาท (จากเดิม 5.2-5.5 พันล้านบาท) ทั้งนี้อุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่ง ทั้งจากภาคค้าปลีกและธุรกิจเกษตร, ยอดขายออนไลน์เติบโตต่อ และใช้บรรุภัณฑ์กระดาษแทนพลาสติกมากขึ้นเพื่อรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะที่ GPM ปี 2565 ถูกกดดันจากต้นทุนเศษกระดาษ ต้นทุนถ่านหิน และค่าขนส่งสูง คาด GPM ปีนี้ไว้ที่ 22% ลดลงจากปี 2564 ที่ 23.7%

ราคาเศษกระดาษในไตรมาส 2/2565 เพิ่มเป็น 8.9 บาทต่อกิโลกรัม จาก 7.8 บาทต่อกิโลกรัมในไตรมาส 1/2565 ส่วนราคาเศษกระดาษในต่างประเทศทรงตัวสูงที่ 272 ดอลลาร์ต่อตันในไตรมาส 2/2565 เทียกับ 275 ดอลลาร์ต่อตันในไตรมาส 1/2565 เพราะอุปทานจำกัด (คอนเทนเนอร์ตึงตัว) บริษัทใช้เศษกระดาษในประเทศ 60% และนำเข้า 40% จาก EU, US และ ญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี ในส่วนของโครงสร้างต้นทุน ประกอบด้วย เศษกระดาษ 60%, ถ่านหิน 17% และอื่นๆ 23%

คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2565 จะมีการเติบโตดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เป็น 260-280 ล้านบาท จากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ส่วน GPM คาดไว้ที่ 22% ลดเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า จากปัจจัยที่กล่าวมา ทำให้ทางฝ่ายแนะนำ "ถือ" ให้ราคาพื้นฐาน 18.50 บาท อิง P/E ปีนี้ 11.5 เท่า (Mean+1SD) ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 9% สะท้อนยอดขายที่ดีกว่าคาดการณ์เดิมทำให้กำไรสุทธิปี 2565-2566 เติบโต 13% และ 2% ตามลำดับ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...