โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ยานยนต์

เว็บไซต์เวียดนามเผย เรื่องราวครอบครัวหนึ่งซึ้งสามีเธอมีชู้โดยปิดบังลูกชายอยู่

สยามนิวส์

อัพเดต 26 พ.ค. เวลา 05.04 น. • เผยแพร่ 25 พ.ค. เวลา 05.36 น. • สยามนิวส์
เว็บไซต์เวียดนามเผย เรื่องราวครอบครัวหนึ่งซึ้งสามีเธอมีชู้โดยปิดบังลูกชายอยู่

เว็บไซต์ phunuphapluat.nguoiduatin.vn เปิดเผยเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ออกมาเล่าว่า เธอกับสามีแต่งงานกันมา 10 ปีแล้ว ตอนนี้มีลูกชายอายุ 9 ขวบ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีอะไร จนกระทั่งเริ่มต้นธุรกิจลืมตาอ้างปากได้ และถึงตอนนี้เรียกว่าถึงจุดสูงสุดเมื่อสามีมีหุ้นในบริษัท ส่วนเธอเป็นแพทย์ที่การงานมั่นคง ลูกชายอาจจะพูดน้อยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังดี อีกทั้งยังเรียนหนังสือเก่ง

แต่สิ่งต่างๆ เริ่มกลับหัวกลับหาง วันหนึ่งในตอนเช้าสามีของเธอยังคงแสดงท่าทีอบอุ่นกับภรรยาและลูก แต่ในตอนเย็นก็กลับมาจากที่ทำงานด้วยใบหน้าที่โกรธจัด เรียกเธอไปที่ห้องและเริ่มถามว่าในช่วงที่เขาเดินทางไปทำธุรกิจเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอทำอะไรอยู่ที่บ้าน? เธอจึงตอบไปตามตรงว่าไปพบเพื่อนๆ ส่วนลูกชายอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยาย

แต่สามียังคงบังคับให้พิสูจน์ว่าได้พบกับเพื่อนจริงๆ ถามว่าเพื่อนเป็นใคร ทำงานอะไร เธอรู้สึกไม่เข้าใจว่าสามีเป็นอะไรขึ้นมา ดังนั้นจึงถามเขาว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า มีอะไรก็แค่พูดมา เขาจึงเข้าประเด็นว่า เมื่อเช้าเอารถไปทำงาน เจอน้ำแปลกๆ 3 หยดที่เบาะหลังรถ

เธอได้ฟังแล้วก็เข้าใจความคิดของสามีทันที แต่ก็รู้สึกว่ามันตลกเกินไป อาจมีหยดน้ำจากข้างนอก หรือน้ำจากในรถหกก็ได้ แต่ตามข้อโต้แย้งของสามี กลับเป็นไปไม่ได้ที่จะมีน้ำบนเบาะรถ เพราะหน้าต่างรถปิด และไม่มีขวดน้ำหกอยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาคิดว่าเธอแอบพา "ชู้" มามีความสัมพันธ์บนรถ

เธอฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะกับเหตุผลของเขา เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนแล้วก็มีสิทธิอะไรมายัดเยียดความผิดให้เธอ เมื่อได้ฟังดังนั้นเขาก็เอาคลิปจากวงจรปิดที่จอดรถอาคารมาให้ดู ซึ่งบันทึกภาพชายหญิงกำลังเข้าไปในรถ แต่เนื่องจากกล้องอยู่ห่างจากบริเวณที่รถของเธอจอดอยู่มากๆ ทำให้ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นคือเธอหรือไม่ และพวกเขาเข้าไปในรถของเธอหรือเปล่า เพราะตรงนั้นมีรถจอดชิดกันหลายคัน

ข้อโต้แย้งและหลักฐานของสามีทำให้เธออารมณ์เสียมากขึ้น เพราะทุกอย่างดูไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิง แต่เขายืนยันว่าเธอแอบมีความสัมพันธ์นอกกฎหมาย และประกาศว่าเขาจะหารือเรื่องนี้กับครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และในขณะเดียวกันก็จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อหย่าร้าง

หลังจากนั้นหลายต่อหลายวัน เธอพยายามไม่พูดเรื่องหย่าร้างอีก เพราะฉันคิดว่าข้อโต้แย้งของเขาไม่มีเหตุผล และเป็นไปไม่ได้ที่ครอบครัวที่มีความสุขและสงบสุขมาตลอด จู่ๆ จะหย่าร้างกันในทันทีทันใด อย่างไรก็ตาม สามียังคงหาข้อแก้ตัวที่จะโต้เถียงกับเธออยู่ตลอดเวลา กระทั่งจู่ๆ ลูกชายก็ได้ยินการโต้เถียงระหว่างพ่อแม่ ยืนฟังตั้งแต่ต้นจนจบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

เอาจริงๆ เธอไม่เคยคิดเลยว่าครอบครัวของเธอจะพัง แล้วในกรณีแบบนี้ พ่อแม่ทะเลาะกันและปล่อยให้ลูกเห็นมุมมืดเหล่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันโบกมือปัดๆ และขอให้สามีวางเรื่องนี้ไว้เพื่อหารือกันในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเองลูกชายกลับพูดออกมาว่า "ทำแบบนี้ไม่สงสารลูกบ้างเหรอ?" คำพูดของลูกชายทำให้ทั้งเธอและสามีตกใจจนพูดไม่ออก ในขณะที่สามีของเธอยังคงพูดติดอ่าง ลูกชายที่เคยเงียบขรึมกลับพูดออกมาอย่างฉะฉาย เพราะไม่ต้องการให้แม่เสียใจ จึงเลือกบอกความลับเกี่ยวกับพ่อที่ ยอดเยี่ยม ที่ปิดซ่อนมานาน

กลายเป็นว่าคนมี ชู้ ไม่ใช่เธอ แต่คือสามีของเธอ ที่แอบมีผู้หญิงคนอื่นมา 2-3 ปีแล้ว และลูกชายต้องรู้เห็นอยู่ตลอดเวลา ว่าพ่อและคนรักแสดงความสนิทสนม ทั้งในทริปเที่ยว ทริปธุรกิจ หรือพบปะเพื่อนฝูงที่ลูกชายได้มีโอกาสไปกับพ่อ และต้องได้ชมฉากที่พ่อสนิทสนมกับเลขาสาวสุดสวยที่อยู่เคียงข้างสามีเสมอมา

อย่างไรก็ตาม สามีของเธอคิดเสมอว่าลูกชายยังเด็กเกินไปที่จะรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปิดบังหรือทำให้ถูกต้องในตอนที่อยู่ในสายตาลูกชาย และตอนนี้เมื่อสามีของเธออยากจะไปใช้ชีวิตกับเลขาสาว เขาจึงจงใจกล่าวหาว่าเธอเล่นชู้ เพื่อหวังจะได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินและสิ่งต่างๆ มากขึ้นหลังจากการเลิกรากัน

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสามีผ่านคำบอกเล่าของลูกชายทำให้เธอตกใจมาก นอกจากความเจ็บปวดจากการถูกหักหลัง บางทีสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าคือ ลูกชายของเธอต้องทนทุกข์กับการพยายามทำเหมือนว่าพ่อยังคง "สมบูรณ์แบบ" มาตลอดหลายปี เพราะเขาไม่อยากให้แม่ต้องเจ็บปวด เขาจึงหลับตาต่อความผิดพลาดของพ่อ แล้วทนเจ็บปวดคนเดียว ต่อสู้กับความเสียใจเพียงลำพัง โดยที่คนเป็นแม่อย่างเธอไม่เคยรับรู้เลย ตอนนี้เธอจึงคิดเพียงแค่ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อรักษาจิตใจของลูกชายต่อจากนี้ไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...