PQS เปิดเกมรุกตลาดไต้หวัน ออกบูธ Food Taipei 2025 พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์แป้งมันดัดแปรสินค้าคุณภาพสูง
พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช จูงบริษัทลูก PMS รุกตลาดไต้หวัน นำผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังและแป้งมันดัดแปร ออกบูธในงาน Food Taipei 2025 ระหว่างวันที่ 25-28 มิถุนายนนี้ งานแสดงนิทรรศการด้านอาหารและเครื่องดื่มใหญ่ในเอเชียโดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ กระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลัก และเสริมความแข็งแกร่งการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้นำผลิตและจัดจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (Premium Grade) และแป้งดัดแปร (Modified Starch) เปิดเผยว่า การเข้าร่วมงาน Food Taipei ครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เชิงรุกของบริษัทฯ ในการเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดไต้หวันที่มีศักยภาพสูง แม้จะมีประชากรราว 23 ล้านคน แต่มี GDP ต่อหัวมากกว่า 32,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมอาหารระดับสากล
ทั้งนี้แป้งมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังดัดแปร เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนผสมอยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และในหลายๆ อุตสาหกรรม โดยเฉพาะแป้งดัดแปรเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงและสามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารหลากหลายชนิด รวมถึงไส้กรอก ลูกชิ้น เต้าหู้ และผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร เส้นต่างๆ ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว ราเม็ง พาสต้า รวมถึงผลิตภัณฑ์กระดาษที่ต้องการคุณภาพสูงๆ ด้วย
นายรัฐวิรุฬห์กล่าวอีกว่า การไปร่วมงานออกบูธที่ไต้หวันครั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่า จะนำไปสู่การได้มีเครือข่ายพันธมิตรทางการค้ากลุ่มตลาดใหม่ในไต้หวัน และประเทศพันธมิตร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่บริษัทให้ความสนใจ และคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในขยายตลาดส่งออกรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจาก 2โรงงานใหม่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่ม PQSในอนาคต
โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเดินเครื่องโรงงานแห่งใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานแป้งมันสำปะหลังในจังหวัดกาฬสินธุ์ และโรงงานผลิตแป้งมันดัดแปร (Modified Starch) ในจังหวัดมุกดาหาร บริษัทPMSซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PQS จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต และขยายขีดความสามารถด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะในกลุ่ม High Value Added ที่เป็นที่ต้องการ ในอุตสาหกรรมอาหารระดับสากล ซึ่งบริษัทคาดว่าผลิตภัณฑ์แป้งมันดัดแปรจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% ของรายได้รวมในปีนี้ และจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักในระยะยาวของบริษัท โดยเฉพาะเมื่อบรรจุอยู่ในแผนขยายตลาดส่งออกนอกเหนือจากจีน