ธุรกิจท่องเที่ยว หนุน ธปท.คุมเงินไหลเข้าหวังทุบค่าบาทแข็งจัด เชื่อ 1 เดือนเห็นผลช่วยได้หรือตุ้บ
ธุรกิจท่องเที่ยว หนุน ธปท.คุมเงินไหลเข้าหวังทุบค่าบาทแข็งจัด เชื่อ 1 เดือนเห็นผลช่วยได้หรือตุ้บ
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า หลังจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแตะระดับที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และมีความสุ่มเสี่ยงที่จะหลุดไปถึงระดับ 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐนั้น ถือว่ามีผลกระทบภาคท่องเที่ยวสูงมาก เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยเยอะมากที่สุดเทียบกับตลอดทั้งปี ซึ่งการที่ค่าเงินบาทแข็งจะส่งผลต่อความรู้สึกในการใช้จ่าย เพราะปัจจุบันค่าครองชีพของประเทศไทยสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน โดยการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศควบคุมเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้ามา หากมากเกิน 2 แสนเหรียญสหรัฐ จะต้องรายงานให้ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ตรวจสอบ เบื้องต้นมองว่ามีผลในเชิงจิตวิทยาแน่นอน อาจทำให้ระยะแรกมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไทยน้อยลง คาดว่าภายใน 1 เดือนก็น่าจะเห็นผลแล้วว่าช่วยให้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทกลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้หรือไม่
นายอดิษฐ์ กล่าวว่า ความกังวลอยู่ในเชิงเทคนิคคือ การประกาศของ ธปท.ออกมาในเม็ดเงินจำนวนกว่า 2 แสนเหรียญสหรัฐที่จะต้องรายงานให้ธนาคารพาณิชย์รู้ถึงที่มาและวัตถุประสงค์ที่นำเข้ามา โดยในเชิงเทคนิค การควบคุมเงินไหลเข้าระยะแรกคงมีผลต่อเงินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งอาจเป็นการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติด้วย ยิ่งเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลส่งเสริมให้เข้ามา ล้วนเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ ประกาศนี้อาจทำให้ต่างชาติมีความกังวลในการเข้ามาลงทุนถึงขั้นตอนต่างๆ ได้ จึงต้องดูในเชิงเทคนิคของการปฏิบัติจริง ต้องไม่ส่งผลกระทบให้เกิดคอขวดในการเข้ามาลงทุน ซึ่งจากการประเมินนับจากนี้ไปอีก 1 เดือน ช่วงเทศกาลตรุษจีน ค่าเงินจะอ่อนลงหรือแข็งขึ้นน่าจะเห็นชัดแล้ว และเป็นสัญญาณให้เห็นทิศทางการท่องเที่ยวของทั้งปี 2569 ด้วย
นายอดิษฐ์ กล่าวว่า สถานการณ์ทางการคลัง และการส่งออกของไทย เริ่มมีสัญญาณไม่ดี หนี้ครัวเรือนทรงตัวในระดับสูง ทำให้ระดับความเหมาะสมของเงินบาทไทย หากอยู่ที่ 40 บาทเทียบกับ 1 เหรียญสหรัฐ จะเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับยุคหลังวิกฤตต้มยำกุ้งที่ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ เอื้อต่อเศรษฐกิจไทยทั้งภาคการส่งออก และท่องเที่ยว เพราะหากประเมินการแข็งค่าของเงินบาทก็มีผลบวกต่อธุรกิจนำเข้าจากต่างประเทศ สามารถซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลง แต่ทั้งการส่งออก การผลิตในประเทศ และการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบทั้งหมด ทำให้อานิสงส์เชิงบวกของค่าเงินบาทแข็งมีน้อยกว่าเชิงลบเยอะ ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าเงินบาทจะทำให้ภาคการท่องเที่ยว ที่ต้องการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวเพิ่มขึ้นอาจเป็นไปได้ยาก เพราะเทียบค่าเงินบาทปี 2567 นักท่องเที่ยวจีนใช้เงินหยวนแลกเงินบาทได้ 5.4 บาทต่อหยวน แต่ปัจจุบันแลกได้ 4.4 บาทต่อหยวน หายไป 20% เมื่อแลกเงินได้น้อยลงทำให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกจุดหมายใหม่ที่คุ้มค่า และสดใหม่แทนประเทศไทย
“หลายประเทศมีการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคู่แข่งที่ดึงลูกค้าจากไทยไปเป็นจำนวนมากอย่างเวียดนาม ถือว่ามีบรรยากาศ หรือทรัพยากรธรรมชาติใกล้เคียงกับประเทศไทย แต่มีความสดใหม่มากกว่า ปลอดภัยเพราะยังไม่มีข่าวเชิงลบเกิดขึ้น รวมถึงมีต้นทุนต่ำกว่าประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ การที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะกลายเป็นปัญหาหนักของไทย ทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาขยายตัวได้ยากขึ้น ซึ่งค่าเงินบาทที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจไทยในตอนนี้ควรอยู่ที่ 40 บาทต่อเหรียญสหรัฐด้วยซ้ำ” นายอดิษฐ์ กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ธุรกิจท่องเที่ยว หนุน ธปท.คุมเงินไหลเข้าหวังทุบค่าบาทแข็งจัด เชื่อ 1 เดือนเห็นผลช่วยได้หรือตุ้บ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th