จับตาเพื่อไทย ‘กู้เมืองหลวงเชียงใหม่’ คืนได้ไหม
ประกอบด้วย เขต 1 นพ.ธีรพัฒน์ (หมอโจ้) ตันพิริยะกุล เขต 2 นพ.เพทาย (หมอตง) เตโชฬาร เขต 3 นายจักรพล (ท็อป) ตั้งสุทธิธรรม เขต 4 นายภานุ (โน๊ต) เจริญสุข เขต 5 นางสาวอัจฉรารัตน์ (ไปรท์) นันทะเสน เขต 6 นายบัณจงศักดิ์ (หนุ่ย) วงศ์รัตนวรรณ เขต 7 นายนิธิกร (เอก) วุฒินันชัย เขต 8 นายณัฐ์พัฒน์ (เอก) รัฐผไท เขต 9 นายยงยุทธ์ (นุ) ยาวิชัย และ เขต 10 นางสาวศรีโสภา (ออม) โกฏคำลือ
นายพิชัย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ทั้งหมด 10 คน 10 เขต ในการเลือกตั้ง สส.ทั่วประเทศในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 69 นี้ ซึ่งการเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา ทางพรรคเพื่อไทยได้พลาดและได้ สส. มาเพียง 2 เขต ไม่เต็ม 10 เขต แต่วันนี้มีความพร้อมทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทางผู้สมัคร สส. และทางพรรค เชียงใหม่ถือเป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย เราลงสู้ศึกครั้งนี้เป็นการสู้กับตัวเองในการเสนอตัวรับใช้พ่อแม่พี่น้อง เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ และตนเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในนามพรรคเพื่อไทย ในวันนี้ก็มาเป็นผู้ช่วยหาเสียง ซึ่งปัจจุบันจากการทำผลงานของ อบจ.เชียงใหม่ ในนามของพรรคเพื่อไทย ก็เป็นที่ยอมรับในสายตาของพี่น้องประชาชนคนเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องถนน กระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว ทั้งงาน Charming Chiang Mai Flower Festival เมืองดอกไม้งาม และการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านอื่น ๆ ด้านการสาธารณสุข ซึ่งทาง อบจ.เชียงใหม่ ได้มีการถ่ายโอนภารกิจของ รพ.สต.ทั้งหมด 83 แห่ง ในปีงบประมาณ 70 จะมีการถ่ายโอนอีก 96 แห่ง และจะดำเนินการถ่ายโอนมาทั้งหมด ทาง อบจ.เชียงใหม่ ถือเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่ทำได้ในด้านการรักษาพยาบาลด้านปฐมภูมิ และ อบจ.ทั่วประเทศก็มาศึกษาดูงานด้วย ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงก็จะมาสนับสนุนการหาเสียง การลงพื้นที่ของผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งหมด 10 คน 10 เขต ซึ่งทุกคนมีความตั้งใจ และพร้อมที่จะลงพื้นที่ในการหาเสียง ขณะนี้ก็ได้เริ่มเปิดตัวและดำเนินการออกหาเสียงในพื้นที่แล้ว โดยจะเน้นลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ทุกพื้นที่เพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคและตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย
ส่วนผู้สมัครของพรรคประชาชน ประกอบด้วย เขต 1 นางสาวเพชรรัตน์ ใหม่ชมภู เขต 2 นางสาวการณิก จันทดา เขต 3 นาย ณัฐพล โตวิจักษ์ชัยกุล เขต 4 นางสาวพุธิตา ชัยอนันต์ เขต 5 นายสมชิด กันธะยา เขต 6 ว่าที่ร้อยตรีอรพรรณ จันตาเรือง เขต 7 นายสมดุลย์ อุตเจริญ เขต 8 นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ เขต 9 นายฉัตร ณพัฒน์ สมศักดิ์เกตุกร และเขต 10 นายอิทธิธัญกร ตาคำ นายนิติพน ผิวเหมาะ ผอ.การเลือกตั้งพรรคประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า นอกจากผู้สมัครของพรรค 10 คน 10 เขตเลือกตั้ง ที่จะลงสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่มีว่าที่ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ 4 คน ได้แก่ นายนิติพน ผิวเหมาะ นายศุภลักษ์ บำรุงจิต นายวิชิต เมธาอนันต์กุล และ นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ จากนี้ทางพรรคจะเดินหน้าวางแผนการเลือกตั้งเพื่อเตรียมความพร้อมสูงสุด พรรคประชาชนไม่หนักใจในทุกเขตเลือกตั้ง จากผลงานการเลือกตั้งที่ผ่านมาและการทำงานต่อเนื่องในพื้นที่ โดยเฉพาะเขต 5 ที่ผลคะแนนเดิมเลือกตั้งปี 66 สูสีเพียงกว่า 200 คะแนนเท่านั้น ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้น่าจับตามอง พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 และวันเลือกตั้งจริงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 นี้ด้วย
สนามเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 66 พรรคเพื่อไทยเสียแชมป์ให้กับพรรคประชาชน (หรือก้าวไกลเดิม) ในการเลือกตั้ง
ครั้งนั้น พรรคประชาชนชนะการเลือกตั้งทั้งหมด 7 เขต เขตที่ชนะประกอบด้วยด้วย เขต 1 นางสาวเพชรรัตน์ ใหม่ชมภู เขต 2 นางสาวการณิก จันทดา เขต 3 นายณัฐพล โตวิจักษ์ชัยกุล เขต 4 นางสาวพุธิตา ชัยอนันต์ เขต 6 ว่าที่ร้อยตรีอรพรรณ จันตาเรือง เขต 7
นายสมดุลย์ อุตเจริญ และ เขต 8 นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ สส.เขต 2 คน จาก 2 เขตเลือกตั้งประกอบ
ด้วย เขต 5 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ ส่วนเขต 9 นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ จากพรรคกล้าธรรม (พลังประชารัฐเดิม) สอดแทรกชนะการเลือกตั้งได้ 1 เขตเลือกตั้งในสนามแห่งนี้
พรรคเพื่อไทยเสียเมืองหลวงอย่างจังหวัดเชียงใหม่ ให้กับผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ของพรรคประชาชน (ก้าวไกลเดิม) ไปในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอย่างหมดรูปจากแทบทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะกวาดเก้าอี้ สส.เชียงใหม่ ครบทั้ง 10 เขตติดต่อกันหลายสมัยด้วยกัน มิใช่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง สส.แบ่งเขตเท่านั้น พรรคเพื่อไทยยังแพ้ในระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ครั้งนั้นพรรคก้าวไกได้ 404,011 คะแนน ส่วนพรรคเพื่อไทยได้ 318,046 คะแนน มาเป็นอันดับสองเท่านั้น หลังศึกครานั้นผู้บริหารพรรคและแกนนำพรรคภาคเหนืออย่าง “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ้าแม่วังบัวบาน และ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สองแกนนำพรรคภาคเหนือถึงกับปวดหัวกุมขมับกันเลยทีเดียว และเป็นชนวนเกิดความระหองระแหงกันเรื่อยมาจนแตกหักเมื่อ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยในที่สุด
ผ่าสนามเลือกตั้ง 69 ที่จะถึงนี้พรรคเพื่อไทยได้ “รีแบรนด์” พรรคใหม่ ดัน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ เขต5 ขึ้นนั่งแท่นหัวหน้าพรรค และแต่งตั้ง ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ลูกชายเจ๊แดง เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คู่กับ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เพื่อหวังเรียกคะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วประเทศในครั้งนี้ ในส่วนของสนามเลือกตั้งเมืองเวียงพิงค์จังหวัดเชียงใหม่ คอการเมืองหลายฝ่ายต่างวิเคราะห์กันออกมาว่า การที่พรรคเพื่อไทยได้หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตของพรรคเป็นคนเชียงใหม่ ก็น่าที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของคนเชียงใหม่บ้างไม่มากก็น้อย คะแนนทั้งระบบเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ของผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยน่าจะได้เพิ่มขึ้น ส่วนจะทะลุบ้องแซงผู้สมัครของพรรคประชาชนจนชนะเลือกตั้ง “กู้เมืองหลวง” คืนได้หรือไม่นั้น คงต้องรอให้ปี้น้องคนเมืองเวียงพิงค์ตัดสินกันอีกที ในวันเข้าคูหากาเบอร์ลงคะแนน 8 กุมภาพันธ์ 69 นี้.
สนั่น เข็มราช