โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

'เมดีซ' ผนึกจีพีโอรุกธุรกิจสุขภาพ ร่วมทุนผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“เมดีซ กรุ๊ป” เดินหน้าธุรกิจ HEALTH Economy ครบวงจร ชู“From Biobank to Biopharma”ตั้งเป้าปี 2569 เติบโต 25% ผนึก GPO ตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ภายในประเทศ พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาเพื่อการบำบัดรักษาขั้นสูง (ATMPs)ขยายตลาดต่างประเทศผ่านโมเดลแฟรนไชส์ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าการดำเนินงานในปี 2569 โดยคาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 25% และเป็นปีแห่งการยกระดับเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งต่อยอดจากจุดแข็งด้าน Biobank ไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม Biopharma และ Advanced Therapy อย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศสุขภาพที่ครบวงจร เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม HEALTH Economy ทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค

ในด้านการพัฒนา ATMPs (Advanced Therapy Medicinal Products : ATMPs) บริษัทมุ่งเน้นการต่อยอดนวัตกรรมเพื่อการรักษาในกลุ่มโรคเสื่อม โดยตั้งเป้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับ โรคข้อเข่าเสื่อม และ ภาวะผิวเสื่อม เป็นกลุ่มแรก พร้อมวางแผนการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 2 กลุ่มโรค เพื่อรองรับความต้องการด้านการรักษา การฟื้นฟู และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ท่ามกลางโครงสร้างประชากรที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

5 โรคยอดฮิตปี 2568 NCDs ครองแชมป์ คนทำงาน–คนเมืองเสี่ยงสูง

CAR-T Cell ‘Made in Thailand’ รักษามะเร็ง ลดมูลค่านำเข้าได้ 10 เท่า

“โมเดลแฟรนไชส์”ตลาดต่างประเทศ

ขณะเดียวกันก็เดินหน้าขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศผ่าน โมเดลแฟรนไชส์ โดยได้ลงนามสัญญาดำเนินธุรกิจในประเทศ มองโกเลีย เป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างการเตรียมเริ่มดำเนินงานในประเทศ ฟิลิปปินส์ ในปี 2569 พร้อมตั้งเป้าหมายขยายสัญญาเพิ่มเฉลี่ยปีละ1 ประเทศ เพื่อสร้างเครือข่าย Health Ecosystem ในระดับภูมิภาคอย่างเป็นระบบ

ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ได้ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์กับองค์การเภสัชกรรม (GPO)และพันธมิตร เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสำหรับประกอบธุรกิจด้านการผลิต น้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ (Culture Media) ภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบทางการแพทย์ เสริมสร้างความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุตสาหกรรมชีวการแพทย์ และวางรากฐานให้ประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตด้าน ATMPs ในอนาคต

ร่วมจีพีโอผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการ ยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานสู่ระดับสากล โดยมีแผนลงทุนในเทคโนโลยี Robotics และระบบ Automation ภายในห้องปฏิบัติการ ควบคู่กับการยกระดับห้องปฏิบัติการทั้งหมดภายใต้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และรองรับการขยายตัวของธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาวโดยการร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ ระหว่าง บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน),องค์การเภสัชกรรม (“GPO”)และ บริษัท เครตาน แอสโซซิเอท จำกัด เพื่อจัดตั้ง บริษัทร่วมทุน สำหรับประกอบธุรกิจด้าน การผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ (Culture Media) ภายในประเทศไทย

โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะมีสถานะเป็น บริษัทย่อยของ MEDEZE และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายใน ไตรมาส 1 ปี 2569 การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน มีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบทางการแพทย์จากต่างประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ไทย และรองรับการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ATMPs, Biobank, การวิจัยทางคลินิก และห้องปฏิบัติการมาตรฐาน GMP ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ขั้นสูง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสุขภาพ

นอกจากนี้ MEDEZE ยังให้ความสำคัญกับโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน (JUMP+)ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กรในทุกมิติ ทั้งด้านกลยุทธ์ธุรกิจ การเงิน การกำกับดูแลกิจการ และการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในขณะเดียวกันก็ วางแผนในการขยายธุรกิจระยะยาวในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาเพื่อการบำบัดรักษาขั้นสูง (ATMPs) เพื่อรองรับการรักษา ฟื้นฟู และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในกลุ่มโรคเสื่อมและสังคมผู้สูงวัย,การขยายระบบนิเวศ Health Ecosystem ผ่านความร่วมมือกับโรงพยาบาล คลินิก สถาบันวิจัย และพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการสร้างความยั่งยืนของธุรกิจและการเติบโตในระยะยาวด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล การบริหารความเสี่ยง และแนวทาง ESG อย่างเป็นระบบ

“เราไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตทางธุรกิจ แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าร่วมให้กับระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคมในภาพรวม โดยการเข้าร่วมโครงการJUMP+ช่วยให้บริษัททบทวนและพัฒนาแผนธุรกิจอย่างเป็นระบบซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนด้านนวัตกรรมชีวการแพทย์และการผลิตภายในประเทศ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสุขภาพของภูมิภาคในอนาคต” นพ.วีรพล กล่าว

คืบหน้า ATMPs ในไทย

ประเทศไทยขับเคลื่อนนโยบายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง (Advanced Therapy Medicinal Products - ATMPs) เช่น สเต็มเซลล์ การบำบัดด้วยยีน และเนื้อเยื่อดัดแปลง มีเป้าหมายยกระดับประเทศให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ริเริ่มโครงการ ATMPs Sandbox สร้างระบบต้นแบบในการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ ATMPs ที่ได้มาตรฐานสากลผลักดันให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและวิจัยผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูงได้ด้วยตนเอง ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ

โดยได้ทำความร่วมมือกับบริษัทเมดีซ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตในการผลักดันโครงการ ATMPs Sandbox ในประเทศไทย และมีการจัดตั้งศูนย์วิจัยทางคลินิก หรือ Clinical Trial Center ในโรงพยาบาลหลักที่มีศักยภาพ เช่น โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี และสถาบันมะเร็งแห่งชาติมีโครงการวิจัยสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยการพัฒนา Car-T-Cell สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การพัฒนา CIK รักษามะเร็งปอด เต้านม การพัฒนา Dendritic Cell สำหรับ มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา มะเร็งต่อมลูกหมาก และเนื้องอกสมอง มีการพัฒนาพื้นที่ศูนย์การแพทย์บางรัก (ชั้น 11 และ 13) ให้เป็นคลินิก สถานที่ผลิตมาตรฐาน GMP และที่ตั้งของสํานักงานคณะกรรมการจริยธรรม หรือ Ethics Committee

ล่าสุด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิด“ศูนย์ผลิตและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง” ได้รับใบอนุญาตสถานที่ผลิตยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์ ยาแผนปัจจุบัน สำหรับทำการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์เฟส 1, 2 และ 3 โดยหมวดยาที่ผลิตคือผลิตภัณฑ์เซลล์บำบัด ซึ่งเป็นหนึ่งในยาชีววัตถุ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีการพัฒนากรรมวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์เซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดชนิด DC และ CIK จนสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ภาคเอกชน เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อยอดสู่การผลิตและนำไปใช้ในงานวิจัยทางคลินิก ก่อนที่จะขยายผลสู่การใช้งานจริงในประชาชนไทย

รายงานข่าวจากอย.แจ้งว่า ปัจจุบันมีงานวิจัยที่ผ่านการอนุมัติจาก อย.รวม 4 แห่ง และมีการอนุญาตผลิตยา ATMPs รวม 11 แห่ง รวมถึงมาตรฐานการผลิต GMP อีก 2 แห่งการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและสนับสนุนการอนุญาต ATMPs ให้รวดเร็วขึ้น โดยยึดตามมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับ ATMPs ของไทยสู่ระดับสากล

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...