'เมดีซ' ผนึกจีพีโอรุกธุรกิจสุขภาพ ร่วมทุนผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์
“เมดีซ กรุ๊ป” เดินหน้าธุรกิจ HEALTH Economy ครบวงจร ชู“From Biobank to Biopharma”ตั้งเป้าปี 2569 เติบโต 25% ผนึก GPO ตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ภายในประเทศ พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาเพื่อการบำบัดรักษาขั้นสูง (ATMPs)ขยายตลาดต่างประเทศผ่านโมเดลแฟรนไชส์ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าการดำเนินงานในปี 2569 โดยคาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 25% และเป็นปีแห่งการยกระดับเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งต่อยอดจากจุดแข็งด้าน Biobank ไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม Biopharma และ Advanced Therapy อย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศสุขภาพที่ครบวงจร เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม HEALTH Economy ทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค
ในด้านการพัฒนา ATMPs (Advanced Therapy Medicinal Products : ATMPs) บริษัทมุ่งเน้นการต่อยอดนวัตกรรมเพื่อการรักษาในกลุ่มโรคเสื่อม โดยตั้งเป้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับ โรคข้อเข่าเสื่อม และ ภาวะผิวเสื่อม เป็นกลุ่มแรก พร้อมวางแผนการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 2 กลุ่มโรค เพื่อรองรับความต้องการด้านการรักษา การฟื้นฟู และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ท่ามกลางโครงสร้างประชากรที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
5 โรคยอดฮิตปี 2568 NCDs ครองแชมป์ คนทำงาน–คนเมืองเสี่ยงสูง
CAR-T Cell ‘Made in Thailand’ รักษามะเร็ง ลดมูลค่านำเข้าได้ 10 เท่า
“โมเดลแฟรนไชส์”ตลาดต่างประเทศ
ขณะเดียวกันก็เดินหน้าขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศผ่าน โมเดลแฟรนไชส์ โดยได้ลงนามสัญญาดำเนินธุรกิจในประเทศ มองโกเลีย เป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างการเตรียมเริ่มดำเนินงานในประเทศ ฟิลิปปินส์ ในปี 2569 พร้อมตั้งเป้าหมายขยายสัญญาเพิ่มเฉลี่ยปีละ1 ประเทศ เพื่อสร้างเครือข่าย Health Ecosystem ในระดับภูมิภาคอย่างเป็นระบบ
ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ได้ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์กับองค์การเภสัชกรรม (GPO)และพันธมิตร เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสำหรับประกอบธุรกิจด้านการผลิต น้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ (Culture Media) ภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบทางการแพทย์ เสริมสร้างความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุตสาหกรรมชีวการแพทย์ และวางรากฐานให้ประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตด้าน ATMPs ในอนาคต
ร่วมจีพีโอผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการ ยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานสู่ระดับสากล โดยมีแผนลงทุนในเทคโนโลยี Robotics และระบบ Automation ภายในห้องปฏิบัติการ ควบคู่กับการยกระดับห้องปฏิบัติการทั้งหมดภายใต้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และรองรับการขยายตัวของธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาวโดยการร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ ระหว่าง บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน),องค์การเภสัชกรรม (“GPO”)และ บริษัท เครตาน แอสโซซิเอท จำกัด เพื่อจัดตั้ง บริษัทร่วมทุน สำหรับประกอบธุรกิจด้าน การผลิตน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ (Culture Media) ภายในประเทศไทย
โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะมีสถานะเป็น บริษัทย่อยของ MEDEZE และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายใน ไตรมาส 1 ปี 2569 การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน มีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบทางการแพทย์จากต่างประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ไทย และรองรับการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ATMPs, Biobank, การวิจัยทางคลินิก และห้องปฏิบัติการมาตรฐาน GMP ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ขั้นสูง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสุขภาพ
นอกจากนี้ MEDEZE ยังให้ความสำคัญกับโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน (JUMP+)ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กรในทุกมิติ ทั้งด้านกลยุทธ์ธุรกิจ การเงิน การกำกับดูแลกิจการ และการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในขณะเดียวกันก็ วางแผนในการขยายธุรกิจระยะยาวในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาเพื่อการบำบัดรักษาขั้นสูง (ATMPs) เพื่อรองรับการรักษา ฟื้นฟู และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในกลุ่มโรคเสื่อมและสังคมผู้สูงวัย,การขยายระบบนิเวศ Health Ecosystem ผ่านความร่วมมือกับโรงพยาบาล คลินิก สถาบันวิจัย และพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการสร้างความยั่งยืนของธุรกิจและการเติบโตในระยะยาวด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล การบริหารความเสี่ยง และแนวทาง ESG อย่างเป็นระบบ
“เราไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตทางธุรกิจ แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าร่วมให้กับระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคมในภาพรวม โดยการเข้าร่วมโครงการJUMP+ช่วยให้บริษัททบทวนและพัฒนาแผนธุรกิจอย่างเป็นระบบซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนด้านนวัตกรรมชีวการแพทย์และการผลิตภายในประเทศ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสุขภาพของภูมิภาคในอนาคต” นพ.วีรพล กล่าว
คืบหน้า ATMPs ในไทย
ประเทศไทยขับเคลื่อนนโยบายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง (Advanced Therapy Medicinal Products - ATMPs) เช่น สเต็มเซลล์ การบำบัดด้วยยีน และเนื้อเยื่อดัดแปลง มีเป้าหมายยกระดับประเทศให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ริเริ่มโครงการ ATMPs Sandbox สร้างระบบต้นแบบในการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ ATMPs ที่ได้มาตรฐานสากลผลักดันให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและวิจัยผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูงได้ด้วยตนเอง ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
โดยได้ทำความร่วมมือกับบริษัทเมดีซ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตในการผลักดันโครงการ ATMPs Sandbox ในประเทศไทย และมีการจัดตั้งศูนย์วิจัยทางคลินิก หรือ Clinical Trial Center ในโรงพยาบาลหลักที่มีศักยภาพ เช่น โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี และสถาบันมะเร็งแห่งชาติมีโครงการวิจัยสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยการพัฒนา Car-T-Cell สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การพัฒนา CIK รักษามะเร็งปอด เต้านม การพัฒนา Dendritic Cell สำหรับ มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา มะเร็งต่อมลูกหมาก และเนื้องอกสมอง มีการพัฒนาพื้นที่ศูนย์การแพทย์บางรัก (ชั้น 11 และ 13) ให้เป็นคลินิก สถานที่ผลิตมาตรฐาน GMP และที่ตั้งของสํานักงานคณะกรรมการจริยธรรม หรือ Ethics Committee
ล่าสุด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิด“ศูนย์ผลิตและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง” ได้รับใบอนุญาตสถานที่ผลิตยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์ ยาแผนปัจจุบัน สำหรับทำการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์เฟส 1, 2 และ 3 โดยหมวดยาที่ผลิตคือผลิตภัณฑ์เซลล์บำบัด ซึ่งเป็นหนึ่งในยาชีววัตถุ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีการพัฒนากรรมวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์เซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดชนิด DC และ CIK จนสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ภาคเอกชน เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อยอดสู่การผลิตและนำไปใช้ในงานวิจัยทางคลินิก ก่อนที่จะขยายผลสู่การใช้งานจริงในประชาชนไทย
รายงานข่าวจากอย.แจ้งว่า ปัจจุบันมีงานวิจัยที่ผ่านการอนุมัติจาก อย.รวม 4 แห่ง และมีการอนุญาตผลิตยา ATMPs รวม 11 แห่ง รวมถึงมาตรฐานการผลิต GMP อีก 2 แห่งการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและสนับสนุนการอนุญาต ATMPs ให้รวดเร็วขึ้น โดยยึดตามมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับ ATMPs ของไทยสู่ระดับสากล