โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เห็นกับตา 'โพธิ์ลังกา' | ธงทอง จันทรางศุ

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 18 ต.ค. 2566 เวลา 05.55 น. • เผยแพร่ 18 ต.ค. 2566 เวลา 05.55 น.

หลังลับแลมีอรุณรุ่ง | ธงทอง จันทรางศุ

เห็นกับตา‘โพธิ์ลังกา’

รายงานตัวว่าผมเพิ่งกลับมาจากศรีลังกาได้เพียงไม่กี่วันครับ

เรื่องเล่าสู่กันฟังวันนี้จึงหนีไม่พ้นเรื่องของศรีลังกาและเรื่องของพระพุทธศาสนาซึ่งพัวพันกันอย่างแนบแน่นมาช้านานแล้วแถมยังผูกโยงมาถึงเมืองไทยของเราด้วย

การเดินทางไปศรีลังกาครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งที่สามในชีวิตของผม ครั้งแรกนานจนแทบจำไม่ได้แล้วครับว่าไปมาเมื่อไหร่ จำได้เลือนรางแต่เพียงว่าเป็นการไปเที่ยวเมื่อตอนเริ่มทำงานสอนหนังสือได้เพียงไม่กี่ปี รอบนั้นได้ไปถึงเมืองแคนดี้และได้ไปที่วัดพระเขี้ยวแก้วด้วย

ส่วนรอบที่สองนั้นเป็นการเดินทางไปศรีลังกาเมื่อพุทธศักราช 2546 ปีนั้นเป็นการเฉลิมฉลองวาระของการก่อตั้งคณะสงฆ์นิกายสยามวงศ์ขึ้นในประเทศศรีลังกาครบ 250 ปี ฝ่ายเจ้าภาพได้เชิญผู้แทนจากประเทศไทยไปร่วมงานด้วย

เวลานั้นถึงแม้ว่าผมรับราชการอยู่ที่กระทรวงยุติธรรม แต่ก็จับพลัดจับผลูได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนประเทศไทยไปร่วมงาน

ไปรอบนี้ไม่ค่อยเห็นอะไรหรอกครับเพราะอยู่แต่ในงานพิธีและห้องประชุมเสียเป็นส่วนใหญ่

เวลาผ่านไป 20 ปีพอดิบพอดี ปีนี้ผมได้ย้อนกลับไปประเทศศรีลังกาอีกครั้งหนึ่งในภารกิจที่เชื่อมโยงกับวาระครบรอบ 260 ปีแห่งการก่อตั้งคณะสงฆ์นิกายสยามวงศ์ขึ้น

โดยผมได้ติดตามเจ้าประคุณ สมเด็จพระธีรญาณมุนี นำพระพุทธรูปขนาดใหญ่พอสมควรที่จำลองมาจากหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง จังหวัดพิจิตรไปมอบให้แก่รัฐบาลศรีลังกาตามที่ท่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลัมโบได้ประสานขอเมตตาไว้ เพื่อทางประเทศศรีลังกาจะได้เชิญไปประดิษฐานไว้ในที่อันสมควรเพื่อเป็นนิมิตหมายแห่งโอกาสสำคัญดังกล่าวพร้อมกันกับเป็นการฉลองวาระครบรอบ 75 ปีของการประกาศเอกราชของเขาด้วย

นอกจากงานพิธีการดังว่าแล้ว ผมยังมีโอกาสเดินทางออกไปนอกกรุงโคลัมโบ เพื่อไปไหว้พระและปูชนียสถานตามหัวเมืองของเมืองศรีลังกา

ที่สะดุดใจเป็นพิเศษและขอนำมาเป็นประเด็นพูดคุยกันในวันนี้ คือการเดินทางไปที่เมืองอนุราธปุระ ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าแก่เมืองแรกของประเทศศรีลังกาก็ว่าได้

เมืองอนุราธปุระนี้ ยูเนสโกเขายกย่องว่าเป็นมรดกของโลกมาหลายปีแล้ว

จะเรียกว่าเป็นรุ่นพี่ของเมืองศรีเทพมรดกโลกสดๆ ร้อนๆ ของประเทศไทยก็เห็นจะได้

สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมตั้งใจไปกราบไหว้และพบเห็นคือต้นโพธิ์สำคัญ อันที่เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่านำหน่อมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาจากอินเดีย ข้ามน้ำข้ามทะเลมาประเทศศรีลังกาซึ่งเวลานั้นควรจะเรียกแต่เพียงว่าลังกาทวีป เมื่อประมาณพุทธศักราช 200 ต้นๆ

ภารกิจสำคัญดังกล่าวเป็นพระกรณียกิจสำคัญเอกอุของพระราชธิดาในพระเจ้าอโศกมหาราช พระนามว่าพระนางสังฆมิตตาเถรี ผู้ทรงเป็นภิกษุณีด้วย พระนางได้ทรงนำกิ่งด้านขวาของพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองพุทธคยาไปถวายแด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ พระเจ้ากรุงอนุราธปุระในเวลานั้น

ฝ่ายพระเจ้ากรุงอนุราธปุระทรงปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุด ที่ได้ส่วนแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์มาเป็นมิ่งขวัญ จึงทรงพระกรุณาโปรดให้ปลูกไว้กลางเมืองและยังปรากฏให้ผู้คน (รวมทั้งผม) กราบไหว้มาจนถึงทุกวันนี้

ตรงนี้ขออธิบายเสริมความหน่อยหนึ่งว่า หลังพุทธปรินิพพานแล้ว ยุคแรกทีเดียวยังไม่มีพระพุทธรูปเกิดขึ้นในโลกนะครับ ปกติการสร้างรูปเหมือนมนุษย์เป็นเรื่องที่อินเดียและประเทศตะวันออกทั้งหลายเราไม่นิยมทำกัน

เวลาผ่านไปประมาณ 500 ปีแล้ว ถึงยุคสมัยที่พระเจ้ามิลินท์ หรือพระเจ้าเมนานเดอร์ที่ 1 ซึ่งเป็นชาวกรีกเข้ามาปกครองแคว้นคันธาระ เนื่องจากพระเจ้ามิลินท์ท่านเป็นฝรั่งชาวกรีก ท่านจึงนำคติเรื่องการสร้างรูปเหมือนมาสร้างพระพุทธรูปขึ้นเป็นครั้งแรก ทำนองเดียวกันกับการสร้างรูปเทวดาของเมืองฝรั่งทั้งหลาย

ตั้งแต่นั้นมาความนิยมในการสร้างพระพุทธรูปด้วยพุทธศิลป์ที่งดงามของพุทธศาสนิกชนประเทศต่างๆ ก็เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ย้อนกลับไปถามตัวเองว่า แล้วช่วงเวลา 500 ปีก่อนที่จะมีพระพุทธรูปเกิดขึ้นในโลกนี้ ชาวพุทธทั้งหลายกราบไหว้สิ่งใดเป็นเครื่องหมายแทนพระองค์สมเด็จพระบรมศาสดา

นอกจากการปฏิบัติตามพระบรมพุทโธวาทก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานที่ให้เคารพนับถือพระธรรมคำสอนแทนพระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว

ชาวพุทธเวลานั้นก็หาที่ยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้เพิ่มเติม เช่น การไปจาริกแสวงบุญอย่างสังเวชนียสถานสี่แห่ง คือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ทรงแสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน รวมตลอดถึงการเคารพรูปสมมุติหรือเครื่องหมายสมมุติต่างๆ

ตัวอย่างเช่น การสร้างรูปธรรมจักร พร้อมด้วยกวางคู่หนึ่งหมอบอยู่ด้านหน้า นี่ก็เป็นรูปเคารพสักการะที่ทำเพื่อเรานึกถึงพระมหากรุณาที่สมเด็จพระบรมศาสดาของเราได้ทรงแสดงพระธรรมคำสอนให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติและดำเนินชีวิตของเรา

ถ้าเราพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมขึ้นว่า เมื่อเดินทางไปถึงพุทธคยาซึ่งเป็นสังเวชนียสถานสำคัญยิ่งด้วยเป็นสถานที่สมเด็จพระบรมศาสดาของเราทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมโพธิญาณ ใครไปถึงที่นั่นแล้วก็ต้องไปกราบไหว้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งเป็นพยานแห่งเหตุการณ์สำคัญทั้งนั้นด้วยกันทุกคน

พุทธคยากับต้นพระศรีมหาโพธิ์ตรงนั้นจึงผูกพันกันอย่างแยกไม่ออก

คราวนี้ต้องเอามานึกถึงพระทัยของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะบ้าง ท่านนับถือพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งยวด แต่ไม่ใช่ของง่ายเลยที่ท่านจะเสด็จจากลังกาทวีปผ่านประเทศอินเดียไปเกือบทั้งประเทศขึ้นไปจนถึงพุทธคยาซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ

แล้ววันดีคืนดี พระนางสังฆมิตตาเถรีก็นำต้นพระศรีมหาโพธิ์มาถวายถึงลังกาทวีป จะไม่ให้ดีพระทัยได้อย่างไร

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองอนุราธปุระ จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสของผู้คนตั้งแต่นั้นมา

ฝ่ายเมืองไทยของเราตั้งแต่สมัยสุโขทัยก็ดี อยุธยาพอดี การเดินทางไปจนถึงพุทธคยาในประเทศอินเดียนั้นเป็นเรื่องไกลเกินคิด เรียกว่าอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวเลยทีเดียว

ที่ติดต่อสมาคมไปมาหาสู่กันอยู่เสมอก็คือลังกาทวีปกับสยามประเทศนี้เอง

ทั้งสองฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นในทางพระพุทธศาสนา ดังที่เราบอกกันอยู่แล้วว่าเมืองไทยมีพระสงฆ์ลังกาวงศ์ ส่วนศรีลังกามีพระสงฆ์สยามวงศ์ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันถึงขนาดนั้น

ในสมัยโบราณ ต้นโพธิ์ในบ้านเราที่สามารถเชื่อมโยงประวัติไปถึงต้นพระศรีมหาโพธิ์ได้ก็ล้วนแต่เป็นต้นโพธิ์ที่ได้มาจากเมืองลังกาทั้งสิ้น โดยคณะสงฆ์หรือผู้คนที่เดินทางไปมาหาสู่ได้เชิญหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์จากเมืองอนุราธปุระนั้นมาปลูกไว้ที่เมืองไทย

คำว่า “โพธิ์ลังกา” จึงเป็นคำที่ติดปากและคุ้นหูของไทยเรามาแต่ไหนแต่ไร

ขออนุญาตอ้างอิงถึงวิหารโพธิ์ลังกาที่วัดมหาธาตุ เมืองนครศรีธรรมราชเป็นพยานเอกในข้อนี้

เวลาผ่านไปอีกหลายร้อยปี จนถึงรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การคมนาคมไปมาหาสู่กันระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินเดียสะดวกขึ้น คณะผู้แทนจากประเทศไทยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในสมัยเมื่อยังดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ ได้เสด็จขึ้นไปถึงที่พุทธคยาเป็นคราวแรก

ครั้งนั้นเอง ได้ทรงนำหน่อพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยากลับมาประเทศไทยด้วย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นำหน่อพระศรีมหาโพธิ์ครั้งนั้นไปปลูกไว้ตามพระอารามต่างๆ หลายแห่ง ทรงตั้งพระราชหฤทัยให้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้นเป็นเจดีย์สำคัญของพระอาราม โดยไม่ต้องสร้างพระเจดีย์เป็นการซ้ำซ้อนกัน

วัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระอารามแห่งหนึ่งที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำหน่อพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยามาปลูกไว้ข้างพระอุโบสถ

ตามคำอธิบายนี้วัดเทพศิรินทร์จึงไม่มีพระเจดีย์ครับ

ข้อมูลทั้งหมดที่พร่ำเพ้อมายืดยาวนี้ ทบทวนและปรารภนึกขึ้นได้เมื่อเดินทางนั่งรถหกชั่วโมงจากกรุงโคลัมโบไปถึงอนุราธปุระ

ระยะทางแค่ 200 กว่ากิโลเมตร แต่ต้องนั่งรถนานปานนั้นเชียวครับ เพราะถนนของเขามีเพียงแค่สองเลนและผ่านเข้าไปในที่ประชุมชนเกือบตลอดหนทาง

แต่ก็คุ้มครับ เพราะนอกจากได้บุญกุศลแล้วยังได้เห็นต้นโพธิ์เคยอ่านหนังสือมาแล้วตั้งแต่เด็กกับตาของตัวเองเสียที

เห็นแล้วก็เข้าใจซึมซาบขึ้นตั้งเยอะ

โบราณท่านถึงบอกว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น นั้นแล

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...