กรมพัฒน์ฯ ชี้ “ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ” ดาวรุ่งค้าปลีก ลงทุนต่ำ-โตแรง กวาดหมื่นล้านในปีเดียว
(วันนี้ 28 ส.ค.68) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยบทวิเคราะห์ธุรกิจ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ชี้เป็นธุรกิจดาวรุ่งแห่งยุค ค้าปลีกแบบไร้คนขายที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก เข้าถึงสินค้าได้ 24 ชั่วโมง และรองรับการชำระเงินดิจิทัลทุกช่องทาง
สถานการณ์ธุรกิจปี 2567
- นิติบุคคลผู้ประกอบการ 760 ราย
- ทุนจดทะเบียนรวม 5,962 ล้านบาท
- สร้างรายได้รวม 10,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.74% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 7,538 ล้านบาท
- กำไรปี 2567 อยู่ที่ 10.15 ล้านบาท แม้ต่ำกว่าปีก่อน แต่สะท้อนการขยายตัวของตลาดอย่างชัดเจน
ธุรกิจนี้ยังดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติรวมกว่า 619 ล้านบาท หรือ 10.38% ของการลงทุนทั้งหมด โดยนักลงทุนหลัก ได้แก่ ฮ่องกง 455 ล้านบาท , หมู่เกาะเคย์แมน 76 ล้านบาท , ออสเตรีย 27 ล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า “ธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติยังคงเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกสบาย เลือกซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และรองรับการชำระเงินหลากหลาย โดยเฉพาะ QR Code ที่ได้รับความนิยมสูงสุด สะท้อนการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของไทยอย่างต่อเนื่อง”
ทำเลทองของธุรกิจนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มักติดตั้งในพื้นที่ที่ลูกค้าเข้าถึงง่าย เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ปั๊มน้ำมัน สถานีรถไฟฟ้า และโรงพยาบาล โดยกระจุกตัวในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ
โอกาสการลงทุน
- ลงทุนได้หลายรูปแบบ : ซื้อเอง, แฟรนไชส์, เช่าเครื่อง, หรือร่วมทุน
- ใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก ไม่ต้องจ้างพนักงาน
- สร้างรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ขยายตลาดได้ง่ายสู่พื้นที่ใหม่
- ใช้เทคโนโลยีเสริมศักยภาพ เช่น AI, ระบบชำระเงินดิจิทัล, วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า การทำโปรโมชัน ระบบสมาชิก ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องและระบบจ่ายเงิน รวมถึงพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ เช่น อาหารสุขภาพ ผลไม้สด หรือสินค้าเฉพาะกลุ่ม เพื่อสร้างความยั่งยืนและความแตกต่างในตลาด
ธุรกิจ “ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ” กำลังเปลี่ยนจากตู้ขายของธรรมดา สู่โมเดลค้าปลีกอนาคต ลงทุนน้อย คืนทุนไว และกำลังกลายเป็นช่องทางทำกำไรที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม