โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

หวั่นภาวะถดถอยซ้ำ

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 27 ก.ย 2565 เวลา 14.16 น. • เผยแพร่ 28 ก.ย 2565 เวลา 00.19 น.
Photo by MANAN VATSYAYANA / AFP

คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

คำถามที่ว่า “เศรษฐกิจถดถอยใกล้มาถึงหรือยัง” ดูเหมือนจะได้คำตอบกลาย ๆ แล้วในตอนนี้ อย่างน้อยมาจากการประเมินของเวิลด์แบงก์ที่เห็นว่า ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน และกลุ่มยูโรโซน ค่อย ๆ มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจดิ่งลง

ผู้คนจะค่อย ๆ รับรู้ถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และคาดว่าจะเริ่มรู้สึก “เจ็บ” มากขึ้นในปีหน้า เมื่ออาการถดถอยเริ่มสำแดงในชีวิตประจำวัน ทั้งการกิน การอยู่ การต่อสู้กับโรคภัยต่าง ๆ ซึ่งล้วนต้องมีต้นทุน

เช่นคนจำนวนมากที่ถูกเลย์ออฟจากบริษัทกิจการต่าง ๆ จะหางานใหม่ยากขึ้น รายได้ที่ลดลงหรือหายไป จะทำให้การก่อหนี้ใหม่ทับถมหนี้เก่า ยิ่งมาเจอกับภาวะเงินเฟ้อที่กดไม่ลง และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์แห่งต่าง ๆ การแสวงหาโอกาสทางการเงินเพื่อสร้างอาชีพยิ่งริบหรี่ลง

ธนาคารโลกยกตัวอย่างช่วงเศรษฐกิจถดถอย เมื่อ 40 ปีก่อน ว่าทำให้เกิดวิกฤตหนี้ไปทั่ว และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูญหายไปในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนานานนับสิบปี แม้ว่าสถานการณืปัจจุบันน่าจะไม่เหมือนในอดีต โดยเริ่มมีการฟื้นตัวด้วยการท่องเที่ยว

แต่เต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงที่ซับซ้อนจากสงครามและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ขณะที่ประเทศไทยเพิ่งประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 13 ระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า (2566-2570)

เป้าหมายส่วนหนึ่งของแผน 13 คือการมีรายได้ประชากรต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 300,000 บาทต่อคนต่อปี จากปัจจุบัน 270,000 บาทต่อคนต่อปี พร้อมลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ ความแตกต่างของความเป็นอยู่

รวมถึงลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงตามกติกาโลก โดยจะลดลงไม่น้อยกว่า 20% เมื่อเทียบกับปริมาณปกติ การเดินแผน 5 ปีดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 นี้ ซึ่งน่าวิตกว่า ภาวะถดถอยจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนแผนนี้มากน้อยเพียงใด

ขณะที่ต้องรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจและความเสี่ยงเฉพาะหน้า ทั้งราคาพลังงาน ค่าเงิน อัตราเงินเฟ้อ ไปจนถึงการก่อหนี้ใหม่ ทั้งของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ รวมกันกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อรองรับการจัดทำงบประมาณขาดดุลปี 2566 อีก 6.95 แสนล้านบาท

ขณะที่ปัจจัยทางการเมือง จะมีการตัดสินวาระผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วันที่ 30 ก.ย. ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่มีความขัดแย้งสูงและลากยาวทั้งทางการเมืองและสังคม ตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารที่ทำให้กลไกประชาธิปไตยถดถอย

จึงน่าวิตกอย่างยิ่งว่า กรณีของไทย การถดถอยทางเศรษฐกิจอาจถูกซ้ำด้วยการถดถอยทางการเมืองอีกหรือไม่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...