โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

'สุชาติ'ปัดน้อยใจ ชวดนั่ง 'รัฐมนตรี' รับเพื่อนสส. ไม่พอใจ พร้อมหนุน'นายกฯ'

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 30 มิ.ย. เวลา 20.16 น. • เผยแพร่ 01 ก.ค. เวลา 03.03 น.

1 ก.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่า เรื่องการปรับครม.เป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ตนเป็นรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์คิดแทนอำนาจตรงนี้ และเห็นว่าเป็นสิ่งดีที่สุดที่ออกมาเช่นนี้

ยืนยันไม่มีน้อยใจ เพราะที่ออกมาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีเต็มที่ก็ไม่ได้หวังตำแหน่งของตัวเอง แต่ทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าได้ ประเทศชาติบ้านเมืองเดินหน้าได้ หากใครคนใดคนหนึ่งมัวแต่คิดเรื่องตนเองจะทำให้เดินต่อไม่ได้ เราจึงต้องคิดถึงส่วนรวม และอย่าไปยึดติด ซึ่งเรามาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจในการตัดสินใจทุกอย่าง และทุกคนต้องให้ความเคารพในอำนาจนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติคนต่อไปคนใหม่มา หรือบางคนอยู่ที่เดิม หรือคนใหม่ไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมที่ดีกว่าเป็นเรื่องปกติ

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่ม 18 ของนายสุชาติจะถอนตัว หากไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ นายสุชาติ ยืนยันว่าไม่มี เป็นข่าวปล่อย และย้ำว่าเรื่อง การตั้งครม.ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันเอง เพราะเป็นอำนาจของนายกและตนไม่เคยพูดตามที่เป็นข่าวเลย รวมทั้งพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูด เพราะไม่ใช่เรื่องที่เราจะคิดแทนนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อถามว่าตำแหน่งภายในพรรคลงตัวแล้วใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ตนมองข้ามเรื่องในพรรค และต้องยอมรับว่าเราแยกออกมาตั้งนานแล้ว และยืนยันว่ากลุ่ม 18 อย่างเหนียวแน่นเมื่อคืนที่รับประทานอาหารร่วมกันก็อยู่กันครบทุกคน และเป็น 18+ แต่ต้องยอมรับว่าสส.ทุกคนก็มีความคิดเป็นเอกสิทธิ์ของเขา ก็ต้องค่อยๆปรับจูน เพราะสถานการณ์อาจจะรุมเร้าหลายเรื่อง ก็ต้องอดทนแข็งแรงกันไว้ ซึ่งเรายืนยันสนับสนุนนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันแรก และจะเห็นว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลและนายกฯพวกตนออกมายืนยันกันชุดแรก ซึ่งประชาชนและสื่ออาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังสนับสนุนนายกฯ

แต่ขออย่าลืมว่าเราร่วมรัฐบาล และยืนหยัดเคียงข้างนายกรัฐมนตรี ถ้าวันหนึ่งมีสิ่งแวดล้อม เป็นพิษเข้ามา แล้วเรากระโดดหนี ต่อไปใครจะคบกับเรา ดังนั้นเราต้องยืนหยัดอยู่ด้วยกันต้องไปด้วยกันเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่าสำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติจะเดินหน้าร่วมกันได้หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า อันนี้ความคิดแตกต่างกัน และกาลเวลาได้พิสูจน์อะไรหลายๆอย่าง เราก็จากกันด้วยดีไม่ขอทะเลาะ แต่ต้องรอเวลาเท่านั้นเอง

เมื่อถามย้ำว่ากลุ่ม 18 ทำงานโดยยึดนายกเป็นหลักใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า แน่นอนเราอยู่ฝ่ายรัฐบาล เพราะเราโหวตแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีมา แล้วอยู่ๆจะไม่สนับสนุน จะตอบคำถามชาวบ้านอย่างไร

นายสุชาติ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า ตนเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี แต่จะถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนยังเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเรื่องความจริงที่พิสูจน์กันได้คงไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่าเตรียมตั้งหลักรับสถานการณ์อย่างไรหากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา นายสุชาติ กล่าวว่า เราไม่สามารถก้าวล่วงศาลได้ แต่เราเป็น สส.มา 15 -20 ปีผ่านมาทุกอย่าง และทุกสถานการณ์แล้ว คงไม่ต้องตั้งหลักอะไรเพราะทุกอย่างที่ประชาชน

นายสุชาติ ยังยืนยันว่าสส.ที่สนับสนุนรัฐบาลมีมากกว่า 18 คนแน่นอนแต่เรา ไม่ได้เอาตัวเลขมาแข่งขันกัน เพราะไม่ได้อยากให้ชาวบ้านมองว่ากลุ่มนั้นมีเยอะมีน้อย แต่อย่างไรก็ตามไม่ขอเปิดเผยว่า ตรวจสอบมากกว่า 18 คนที่เพิ่มเข้ามามาจากพรรคเดียวกันหรือพรรคไหน แต่จะได้เห็นตอนที่ลงมติ

พร้อมกันนี้นายสุชาติ ยังกล่าวถึงการร่วมงานกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ว่า ส่วนตัวรู้จักกับนายจตุพร มากว่า 10 ปี ตั้งแต่เป็นสส.ปี 2554 ซึ่งถือว่ารู้จักกันมานาน และงานของกระทรวงพาณิชย์เป็นงานที่ข้าราชการเก่งอยู่แล้ว แม้จะเป็นงานยากแต่ข้าราชการมีความรู้ความสามารถเยอะมาก และเจอปัญหาอุปสรรค ในราคาพืชผลมาทั้งชีวิตเชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้เพราะ รัฐมนตรีเพียงแค่กำดูแลนโยบายเพียงอย่างเดียว และขอย้ำว่าทุกสิ่งทุกอย่างยืนหยัดตามนี้ โดยดูตามสถานการณ์ไปด้วย

เมื่อถามย้ำว่า จริงๆน้อยใจหรือไม่เพราะตามโผมีชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการ นายสุชาติกล่าวว่าเอาตรงๆตนไม่ได้ยึดติดตรงนี้แต่มี เพื่อนบางกลุ่มบางคน ที่อาจจะมีบ้าง ที่อยากเห็นเราไปทำงาน ในส่วนที่จะช่วยชาวบ้านได้มากกว่าเดิม จึงมีบ้างก็ต้องค่อยๆคุยกันและปรับจูนความรู้สึกกัน ว่าการปรับครมเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถที่ใครจะไปทำแทนได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...