โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

NUG กับการระดมทุน ทำสงครามสู้กองทัพพม่า โดย ลลิตา หาญวงษ์

MATICHON ONLINE

อัพเดต 19 ส.ค. 2565 เวลา 06.26 น. • เผยแพร่ 19 ส.ค. 2565 เวลา 06.00 น.

หนึ่งในปัจจัยหลักที่ชี้ชะตาคู่ขัดแย้งในสงครามคือทรัพยากร ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ กำลังคน เทคโนโลยีทางการทหาร และสิ่งที่ค้ำจุนทรัพยากรทั้งหมดนี้ก็คือเงิน ในสงครามกลางเมืองพม่าที่กำลังดำเนินอยู่นี้ มีผู้ตั้งข้อสังเกตอย่างมากว่ากองกำลังฝั่งประชาชน หรือ PDF (People’s Defence Force) จะมีทรัพยากรอะไรไปสู้กับกองกำลังฝั่งคณะรัฐประหาร ที่มีงบประมาณกองทัพมากถึง 3.1 พันล้านเหรียญ หรือ 1 แสนล้านบาท (สถิติปลายปี 2021) หลังเกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย พร้อมการเข้ามาของรัฐบาลพลเรือนภายใต้พรรค NLD งบกลาโหม ของพม่าลดฮวบแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน ในปี 2015 ในยุคประธานาธิบดีเต็ง เส่ง กองทัพพม่ายังมีงบประมาณราว 3.8 พันล้านเหรียญ (1.34 แสนล้านบาท) แต่ในปี 2018-2019 งบประมาณส่วนนี้ลดลงไปอยู่ระหว่าง 2.2-2.3 พันเหรียญ (7.7-8.1 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นเกือบ 14 เปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายทั้งหมดของรัฐบาล และ 3 เปอร์เซ็นต์ของ จีดีพีทั้งประเทศ

แม้งบประมาณของกองทัพในยุครัฐบาล NLD จะลดลง และอาจเป็นสาเหตุที่สร้างความร้าวฉานระหว่างด่อ ออง ซาน ซูจี พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย และผู้นำระดับสูงในกองทัพ แต่ตามรัฐธรรมนูญปี 2008 มาตรา 20(b) กองทัพพม่ายังสามารถสั่งการและควบคุมกิจการภายในของตนเองทั้งหมด หมายความว่าไม่มีใครสามารถตรวจสอบงบประมาณของกองทัพได้ว่าถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องหรือโปร่งใสหรือไม่ ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลพลเรือนที่มีมากขึ้น และข้อเรียกร้องจากภาคประชาสังคมให้ตรวจสอบงบประมาณของกองทัพ ทำให้กองทัพพม่าจำเป็นต้องหารายได้จากแหล่งอื่นๆ นอกเหนือจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่รัฐบาลพลเรือนจัดสรรให้ กองทัพพม่าจึงกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทร่วมทุนหลายแห่ง ทั้งบริษัทด้านพลังงาน และบริษัทที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่อื่นๆ ยังไม่นับธุรกิจสีเทาๆ การค้าสิ่งผิดกฎหมาย ประเภทยาเสพติด อาวุธ ฯลฯ

เมื่อพิจารณาจากงบกองทัพ จะเห็นว่ากองทัพพม่ามีความพร้อมด้านทรัพยากรทุกๆ ด้าน เพราะผ่านประสบการณ์การรบกับกลุ่มชาติพันธุ์มาอย่างโชกโชนตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา และจำนวนทหารในกองทัพที่มีมากเกือบ 4 แสนนาย เทียบกับกองกำลัง PDF ที่ประเมินว่าปัจจุบันมีกำลังพลราว 5 หมื่นนาย (ในความเป็นจริงอาจต่ำกว่านี้มาก) และกองกำลังขนาดใหญ่อื่นๆ ที่มีจำนวนพลหลักหมื่น ชี้ให้เห็นว่ากองกำลังฝั่งคณะรัฐประหารถือไพ่เหนือกว่า บวกกับท่อน้ำเลี้ยงหรือบรรดานักธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ ทำให้กองทัพพม่ามีสายป่านที่ยาวกว่ากองกำลังฝั่งประชาชนแบบเทียบไม่ติด

สำหรับรัฐบาลคู่ขนาน NUG การหางบประมาณเพื่ออัดฉีดเข้าไปให้กองกำลัง PDF เพื่อต่อต้านกองทัพพม่าเป็นสิ่งที่ยากกว่ามาก วิธีการที่ NUG ใช้ระดมทุนแทบไม่ต่างจากองค์กรการกุศลหรือเอ็นจีโออื่นๆ มีการจัดกิจกรรมเพื่อระดมทุน เช่น การออกสลากกินแบ่งหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Spring Lottery หรือ Nway Oo Lottery พันธบัตรของ NUG หรือวิธีแปลกใหม่อย่างการประกาศขายทรัพย์สินส่วนตัวของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย เช่น บ้านพักในเมืองย่างกุ้งย่านทะเลสาบอินยา ขนาด 1.86 เอเคอร์ (4.7 ไร่) ที่ NUG ประกาศขายที่ 10 ล้านเหรียญ (354 ล้านบาท) หรือ 1 ใน 3 ของราคาตลาด NUG ออกมาประกาศว่าระดมทุนจากการขายบ้านของมิน อ่อง ลาย (ที่แน่นอนว่าไม่ได้ขายจริง) ได้ 2 ล้านเหรียญ ภายใน 72 ชั่วโมง

โดยรวม NUG ระดมทุนได้ไปแล้วประมาณ 42 ล้านเหรียญ (1.4 พันล้านบาท) เงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งใช้เป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาล NUG เอง การจัดหาบริการทางการแพทย์และการศึกษาให้กับประชาชนในพื้นที่สู้รบ และประชาชนที่เข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืน และอีกส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของ PDF ที่ในปัจจุบันมีกองกำลังครอบคลุม 5 เขต ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก และในแต่ละเขตก็แบ่งเป็นกองร้อยย่อยๆ ที่มีอยู่ 259 กองร้อย แน่นอนว่าหาก NUG/PDF มองถึงการต่อสู้ระยะยาว เงินตั้งต้นเพียง 42 ล้านเหรียญคงไม่เพียงพอ และ NUG ก็เข้าใจดีว่าไม่สามารถมีอาวุธหรือกำลังคนทัดเทียมกองทัพพม่าได้ จึงต้องตั้งกองกำลังในรูปแบบอื่น เช่น กองกำลังติดอาวุธของประชาชน ที่ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้ NUG/PDF และพร้อมโจมตีกองกำลังฝั่งคณะรัฐประหารทุกเมื่อ ในปัจจุบัน การโจมตีกองทัพพม่ายังเป็นไปในแนวสงครามกองโจร คือการซุ่มโจมตี และการลอบสังหารคนที่ PDF เชื่อว่าเป็นสายให้กับกองทัพ หรือเป็นทหารในกองทัพ แต่ในอนาคต อู นาย ทู อ่อง (U Naing Htoo Aung) เลขาธิการถาวรประจำกระทรวงกลาโหมของ NUG ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิรวดี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมว่า แนวทางการสู้รบของ PDF จะให้ความสำคัญกับการโจมตีกองทัพในสเกลที่ใหญ่ขึ้น และสร้างความสูญเสียมากขึ้น จะมีการนำแทคติคทางการทหารและอาวุธที่ซับซ้อนมากขึ้นมาใช้ในการสู้รบ

แม้ตัวเลขจำนวนเงินที่ NUG ได้รับจะดูไม่มากนัก แต่ผู้นำ PDF ก็ยืนยันว่าองค์กรสามารถระดมทุนได้เรื่อยๆ และได้นำเงินที่ได้มาไปซื้ออาวุธที่ทันสมัยมากขึ้นมาสนับสนุนขบวนการต่อต้านคณะรัฐประหาร หรือแม้แต่ตั้งโรงงานผลิตอาวุธของตัวเอง คำถามคือเมื่อไม่มีบริษัทผลิตอาวุธใหญ่ๆ ที่ไหนยอมขายอาวุธให้ PDF ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจากจีน รัสเซีย สหรัฐ อิสราเอล อินเดีย ยูเครน หรือแม้แต่เกาหลีเหนือ และยังไม่มีประเทศใดที่ให้การรับรอง NUG อย่างเป็นทางการด้วย มีผู้วิจารณ์ท่าทีแบบ แบ่งรับแบ่งสู้Ž ของผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งสหรัฐ และยุโรป ว่าประเทศเหล่านี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างสันติภาพในโลก และไม่ได้สนใจนักว่าเกิดอะไรขึ้นในพม่าบ้าง หากมีบริษัทผลิตอาวุธเพียงบริษัทเดียวที่ตัดสินใจส่งอาวุธเข้าไปให้ PDF ต่อสู้กับกองทัพพม่า สงครามกลางเมืองอาจจบลงภายในไม่กี่เดือนพร้อมกับชัยชนะของกองกำลังฝั่งประชาชนก็เป็นได้

ในปัจจุบัน กองกำลังฝั่งประชาชนซื้ออาวุธผ่านตลาดมืดและจากความช่วยเหลือของกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับตน รวมทั้งใช้ปืนที่ประกอบขึ้นเอง และระเบิดแสวงเครื่องที่ทำขึ้นมาเองเช่นกัน ภายใน 1 ปี NUG/PDF ใช้เงินเฉพาะด้านการทหารไปแล้ว 30 ล้านเหรียญ แต่ NUG ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเกลี่ยงบประมาณไปให้กองกำลัง PDF ในแต่ละพื้นที่ไม่ทันเวลา เป็นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการบุกรุกของกองทัพพม่าอย่างรุนแรง ที่สำคัญคือนอกเหนือจาก PDF แล้วยังมีกองกำลังฝั่งประชาชนอื่นๆ อีกหลายกลุ่มที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ NUG และนี่คือความอันตรายที่จะตามมา เราอาจได้ข่าวบ้างแล้วว่ากองกำลังกลุ่มนี้เริ่มสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นสายลับให้กองทัพ หรือมีความสัมพันธ์กับคนในกองทัพ

ดังนั้นสงครามในพม่าตอนนี้จึงไม่ได้เป็นสงครามระหว่างกองทัพพม่ากับ NUG/PDF ที่ผนึกกำลังกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์บางส่วนเท่านั้น แต่ยังมีกองกำลังอื่นๆ ที่ NUG ไม่สามารถควบคุมได้อีกด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...