โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

กามิน หลั่งน้ำตาพูดความจริงอีกมุม เคลียร์ชัดทุกข่าวลือ ลั่น! ที่ผ่านมาคือความรัก แต่ต้องเลิกเพราะเข้ากันไม่ได้

ไนน์เอ็นเตอร์เทน

อัพเดต 06 พ.ย. 2567 เวลา 17.54 น. • เผยแพร่ 06 พ.ย. 2567 เวลา 09.54 น. • NineEntertain ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทย

โดย กามิน กล่าวว่า “ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแถลงข่าวของในวันนี้ จริง ๆ ไม่ได้อยากให้มาถึงเหตุการณ์ในวันนี้เลย แต่ฉันต้องออกมาพูดความจริงเพื่อปกป้องตัวเอง ครอบครัว และคนที่ฉันรัก ทุกคนจะต้องได้รู้ว่าอะไรที่ไม่ใช่ความจริง ฉันเข้ามาทำงานที่เมืองไทยครั้งแรกประมาณช่วงเดือน ม.ค. ตอนนั้นมีความรู้สึกมีความสุขและดีใจมาก ๆ หลายคนต้อนรับอย่างอบอุ่น ทำงานอย่างสนุกสนาน ยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อสื่อสารกันบ้าง เพราะฉันไม่ค่อยเข้าใจภาษาไทย แต่ทุกคนก็ช่วยกัน บรรยากาศในการทำงานตอนนั้นก็มีความสุข สนุกสนาน เพราะทุกคนใจดีมาก โดยเฉพาะครอบครัว ทุกคนที่งานร่วมกัน รายได้ที่ได้รับก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มีการจัดสรรได้โอเคดีมากเลย ตอนที่มาทำงานที่เมืองไทย ช่วง 3-4 เดือนแรกมีบ้างที่อยู่โรงแรม แต่ส่วนมากจะอยู่ที่สตูดิโอ และอยู่ที่บ้านของท่านนั้นที่ทำงานร่วมกัน ตอนที่อยู่บ้านท่านนั้นทุกคนในครอบครัวเขาให้การต้อนรับที่อบอุ่นเสมอมา แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังรู้สึกขอบคุณ ซึ่งโรงแรมที่เข้าพักฉันไม่ได้เป็นคนจองเอง แต่เป็นบริษัทของท่านนั้นเป็นคนจองให้ในขณะที่มาทำงานที่ไทย การเข้าออกโรงแรมทุกครั้งบริษัทของท่านนั้นสามารถที่จะเช็กและตรวจสอบได้ตลอด หากฉันมีการนำบุคคลอื่นเข้าไปก็น่าสามารถตรวจสอบได้เช่นกัน เพราะทางโรงแรมมีกล้องวงจรcctv ฉันไม่ได้มีคีย์การ์ดคนเดียว แต่ฝั่งทางนั้นที่จองโรงแรมก็มีคีย์การ์ด สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ หากฉันจะนัดพบคนอื่นจริง ๆ จะไม่นัดไปเจอที่โรงแรมนี้ เพราะฉันไม่ได้เป็นคนจองโรงแรมเอง”

“ข่าวต่าง ๆ ที่ออกมาไม่ใช่ความจริงเลย อย่างข่าวติดแอลกอฮอล์ จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนที่สามารถดื่มได้ ตอนอยู่เกาหลีก็ดื่มกับครอบครัวและเพื่อน ๆ เพื่อสังสรรค์ แต่พอมาประเทศไทยแทบไม่ได้ดื่มเลย อาจจะเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่แทบจะไม่ได้ดื่มบ่อย ขอยืนยันว่าไม่เคยดื่มขณะที่ทำงาน ในส่วนของค่าจ้างงานอีเวนต์ต่าง ๆ ฉัน แทบจะไม่ทราบว่าทางบริษัทได้รับจ้างจ้างยังไง เพราะฉันได้รับเงินค่าจ้างจากบริษัท ซึ่งก็รู้สึกพอใจและขอบคุณมาก ๆ ในส่วนของภาษีมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเรียบร้อยแล้ว และค่าจ้างที่เข้าไปในบัญชีจะต้องมีการเสียภาษีที่เกาหลีด้วยอีกทีหนึ่ง ซึ่งจะเสียในปีหน้า ส่วนข่าวที่ว่าค่าจ้างไลฟ์ 1-2 ล้านก็ไม่ใช่ความจริง เป็นข่าวที่ฉัoเพิ่งเคยได้ยิน ส่วนเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านท่านนั้น ติ๊กต๊อกเกอร์สาวอธิบายเรื่องนี้ว่า “จริง ๆ วันนั้นฉันออกไปชอปปิ้งที่ห้างกับล่าม พอชอปเสร็จก็กลับไปที่สตูดิโอ ก่อนจะกลับไปบ้านที่ไฟไหม้พร้อมกับผู้จัดการ ตอนกลับไปที่บ้านเหตุการณ์จะมีบุคคลอื่นที่ยังทำงานอยู่สตูดิโอ แต่ฉันกลับมาบ้านพร้อมผู้จัดการ กลับมาถึงบ้านได้กลิ่นไหม้ ๆ โดยเฉพาะชั้น 3 กลิ่นมียิ่งไหม้แรง แต่ตอนไปถึงบ้านคือไฟได้ดับเรียบร้อยแล้ว บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่ดิฉันและฝั่งนั้นปกติใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ถามว่าบ้านหลังนั้นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดคืออะไร ฉันเคยได้ยินมาบ้างว่าอาจจะมีของสำคัญหรือของมีค่า แต่ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ชั้น 3 เพราะไม่ใช่บ้านของฉัน ส่วนสาเหตุที่เกิดไฟไหม้เกิดขึ้นได้ยังไง ไม่ทราบจริง ๆ แต่คิดว่าน่าจะเป็นการเกิดเองโดยธรรมาชาติหรืออุบัติเหตุ”

“ส่วนประเด็นที่ว่าฉันพูดคำว่า “คนไทยหลอกง่าย” ที่มีการเผยแพร่ไปยังช่องทางต่าง ๆ ทุกวันนี้ยังมีการใช้เป็นวาทะกรรมอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่เคยพูดและไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย ฉันได้รับความรักมากมายจากคนไทย ฉันจะกล้าพูดประโยคนี้กับคนไทยได้ยังไง ไม่ทราบว่าข่าวนี้มาได้ยังไง อยากจะทราบเหมือนกันว่ามาจากไหน ถ้ามีคนที่พูดประโยดนั้นจริง ๆ ก็อยากให้ไปถามคนที่พูดดีกว่า เพราะฉันไม่เคยคิดและไม่เคยพูดประโยคนั้นในสถานการณ์ไหนกับใครเลย ส่วนคำด่าหยาบคายเช่น สก๊อยเกาหลี สุวรรณมาลี EDT จริง ๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยทราบความหมายของคำพูดเหล่านั้นเลย เพิ่งมาทราบไม่นาน และไม่เคยพูดให้พ่อแม่ได้ยิน แม้ท่านจะเคยถาม เพราะกลัวท่านจะเสียใจเหมือนที่ฉันเสียใจ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงมีการใช้คำพูดแบบนั้นกับฉัน ไม่ทราบว่าไปทำบาปใหญ่อะไรหรือเปล่า ถึงได้มีการใช้คำพูดนั้นกับฉัน สำหรับประเด็นที่คนมองว่าฉันและครอบครัวเข้ามาฟอกเงิน ฉั้นยืนยันว่าครอบครัวของฉันและฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ครอบครัวของฉันไม่ใช่แก๊งต้มตุ๋นหรืออาชญากร ครอบครัวเราไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมที่เกาหลี ดิฉันเรียนเรียนด้านการเต้นโดยตรงมาตั้งแต่สมัยมัธยม และเรียนต่อชั้นอุดมศึกษาเกี่ยวกับการเต้นโดยเฉพาะ เพราะในอนาคตอยากจะเป็นครูสอนเต้น และเคยเดินทางไปกรุงโซลเพื่อเรียนระดับการเต้น และเคยทำงานเกี่ยวกับมิวสิคคัลประมาณ 5-6 ปี ฉันฝันอยากจะสร้างครอบครัว อยากจะเป็นแม่คน อยากมีชีวิตที่มั่นคง อยากจะเป็นครูสอนเต้นที่โรงเรียน จึงอยากจะไปเรียนการสอนเต้นตามหลักสูตรที่จบออกมาแล้วไปเป็นครูสอนเต้นได้ เพื่อจะได้มีอาชีพที่มั่นคง”

“ตอนที่กลับไปเหากลี ฉันไม่เคยให้สัมภาษณ์พาดพิงใคร ฉันไม่เคยพูดว่าร้ายใคร ไม่ใช่คนที่ทำแบบนั้น รวมถึงการออกมาที่นี่ก็ไม่ได้จะว่าร้ายใคร และไม่เคยพูดคำหยาบเลย ถามว่าข่าวที่ออกมาส่งผลกระทบกับครอบครัวมั้ย? ตอนที่มีข่าวที่มีคอมเมนต์แย่ ๆ ออกมา ตอนแรกคิดว่าตัวเองมีจิตใจเข้มแข็ง แต่จริง ๆ แล้วตัวเองก็เป็นคนธรรมดา รู้สึกเสียใจ พี่ชายที่เป็นข้าราชการที่เกาหลีมีการลางาน 1 เดือนเพื่อมาดูแลสภาพจิตใจฉันโดยเฉพาะ ข่าวต่าง ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค.- ปัจจุบัน ก็ยังมีการเผยแพร่อยู่และรู้สึกว่ามันมีมากขึ้น การมาเมืองไทยได้เรียนรู้ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้ความรักและความอบอุ่นกับฉันตลอด เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง ๆไม่ควรเดินมาถึงวันนี้ ทุกคนอย่างควรจบตั้งแต่วันที่ฉันเดินทางออกไปเกาหลี รวมถึงความสัมพันธ์ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่มันไม่จบ เพราะมีบุคคลอื่นที่ไม่รู้เรื่องมากล่าวหาว่าร้าย ทำร้ายศักดิ์ศีรีผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้ชื่อเสียงการทำงานล่มลายเพราะคำพูดของกลุ่มคนคนหนึ่ง สาเหตุที่ตัดขาดความสัมพันธ์กับคู่กรณีเพราะความไเข้าใจกันด้านภาษาและนิสัยที่แตกต่างกัน ทำให้เข้ากันไม่ได้จนต้องเลิกกันไป การคบกันไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรเลย และไม่ได้ปัญหาคนรอบข้างเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของความไม่เข้าใจกัน ซึ่งก็พยายามปรับมาโดยตลอด อีกฝั่งก็ดูแลตนอย่างอบอุ่น ส่วนตัวรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของตนกับท่านนั้นเป็นความรู้สึกระหว่างคู่รัก ส่วนเงินค่าจ้างได้รับแบบรายเดือนทุกวันที่ 1 ของทุกเดือน ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการได้รับเงินว่าจ้าง ฝั่งนั้นดูแลดีมาโดยตลอด สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจกลับเกากลี เพราะได้รับข้อความเหมือนให้เลิกกัน ตอนนั้นรู้สึกไม่ได้มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปที่เกาหลี ข้อความที่ได้ได้มาจากบุคคลท่านนั้นที่เคยทำงานด้วยกัน ความรู้สึกของฉันกับบุคคลท่านนั้นในตอนนี้ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกในแง่ลบ พยายามคิดถึงแต่สิ่งดี ๆ ถามว่าตอนส่งข้อความมาเขาได้บอกเหตุผลมั้ย อาจจะเป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายอย่าง หรืออาจจะเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ไม่มีหรือเปล่า ไม่น่าจะเกิดจากความหึงหวง น่าจะเป็นเรื่องของต่างฝ่ายต่างเข้าใจไม่ตรงกัน และปรับได้ยากที่จะให้เข้าใจตรงกัน”

พอผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นที่ว่ามีกระแสว่าเราคิดสั้น? กามิน ร้องไห้แทนคำตอบ ส่วนที่หลายคนมองว่าเราเป็นคู่รักสายคอนเทนต์ มันมีความรักจริง ๆ เกิดขึ้นมั้ย ติ๊กต่อกเกอร์สาวบอกว่าส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นความรักที่จริงใจ ขอบคุณหลายคนที่ให้กำลังใจ รู้สึกขอบคุณจนไม่รู้จะอธิบายยังไง หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะกลับมาทำงานที่ไทยได้มั้ย แต่เท่าที่มาวันนี้รู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่อยากให้โอกาส แต่คงต้องรอให้สภาพจิตใจดีขึ้นก่อน ถามว่าหลังจากที่แยกตัวออกมาได้ติดต่อกันมั้ย เวลาที่เลิกกัน ตนเลิกแบบเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่เลิกกันแล้วก็คือจบแล้ว ยอมรับว่าฝั่งนั้นมีการติดต่อมาบ้าง แต่ก่ไม่รู้จะติดต่อมาเพื่ออะไร ตนไม่ได้ตอบกลับ ส่วนเรื่องที่โดนข่มขู่ กามิน ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง มีข้อความที่เป็นเรื่องของการข่มขู่ตนเองและครอบครัวจริง ๆ และมีข้อความแบบนั้นเยอะเข้ามาอยู่ตลอด แต่ช่วงที่เยอะที่สุดคือช่วงเดือน ก.ย. ที่จะมีข้อความไม่ดีและข้อความข่มขู่เยอะ หนักสุดคือการตั้งค่าหัวในโซเชียล ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยจนต้องมีบอดี้การ์ดมาดูแล ถามว่ายังมีอะไรติดค้างกันอยู่มั้ย ติ๊กต่อกเกอร์สาวระบุว่าไม่ได้มีอะไรติดค้างกันแล้ว ไม่ได้มีปัญหา เลิกกันด้วยดีแล้ว พอได้รับข้อความว่าต้องแยกกัน ก็มีการอำลาทีมงานและครอบครัวกันแบบสั้น ๆ เพราะมันกะทันหัน แต่กับบุคคลท่านั้นไม่ได้มีการอำลากัน ณ วันนั้น ถ้าเขาดูอยู่ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับทุกอย่าง ขอให้ทานข้าวเยอะ ๆ ดูแลสุขภาพด้วย ขอให้ดูแลสุขภาพด้วย ขอให้มีความสุขมาก ๆ”

ด้าน ทนายความของ กามิน ชี้แจงเรื่องที่เจ้าตัวเคยไลฟ์กับแม่ตั๊กขายทองว่าติ๊กต่อกเกอร์สาว ไม่ได้มาเพื่อชี้แจงตรงนี้ เพราะไม่มีมีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย เจ้าหน้าที่ไม่ได้ติดต่อมา ส่วนภาษีหรือค่าพรีเซ็นเตอร์ที่โดนยกเลิกต้องมาตามจ่ายมั้ย ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ไม่มีอะไรที่ติดค้างเกี่ยวกับเรื่องการงานเลย ในเรื่องของภาษีเงินที่ได้นับแต่ละเดือนจากบริษัทจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเรียบร้อยแล้ว ส่วนภาษีที่เกาหลีจะมีการหักในปีหน้า ส่วนประเด็นที่คนมองว่ากามินฟ้องคนไทย อยากจะชี้แจงว่าทุกคนแม้จะเป็นคนไทยหรือต่างชาติที่เข้ามาเมืองไทยจะต้องอยู่ใต้กฎหมายและได้รับความคุ้มครองเท่ากัน นี่ไม่ใช่ลักษณะการเข้ามาฟ้องคนไทย แต่เป็นการเข้ามารักษาสิทธิ์ที่ถูกผู้กระทำความผิดทำให้เขาเสียหาย เขาข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อพิสูจน์ความจริง โดยถูกตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง คนทุกคนที่สร้างวาทะกรรมแปลก ๆ ทุกคนได้ได้รับสิทธิ์เทียมกันทางกฏหมายทุกคน ถ้าพูดมันปากก็จะได้รับสิทธิ์ตามกฏหมายต่อไป ณ ตอนนี้มีผู้ถูกดำเนินการทางกฏหมาย 5 คน มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลและจะตามมาอีกหลายคน ส่วนคู่กรณีตอนนี้ยังไม่มี อยู่ในของการพิจารณา หากมีการก่าวล่วงกัน ส่วนคอมเมนต์รุนแรงถึงขั้นมีการตั้งค่าหัวในโซเชียล จะเอาความผิดมั้ย เดี๋ยวจะพิจารณาต่อไป กำลังดำเนินการอยู่ ที่พบเวลานี้มีประมาณ 2-3 ข้อความ พบเห็นในคอมเมนต์.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...