โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

Global Soft Power Index 2023 ประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในแผนที่ซอฟต์เพาเวอร์โลก

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 08 พ.ย. 2566 เวลา 04.18 น. • เผยแพร่ 23 มี.ค. 2566 เวลา 02.16 น.

Global Soft Power Index เป็นดัชนีจากการสำรวจศักยภาพทางด้านซอฟต์เพาเวอร์ในทุกมิติของประเทศต่างๆ ทั่วโลก จำนวน 121 ประเทศ

จัดทำโดย Brand Finance ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกที่ให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาแบรนด์ชาติ (Nation Brand) หรือภาพจำของประเทศชาติมาอย่างยาวนาน คือมากกว่า 25 ปีแล้วนับจากการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1996

ก่อนไปดูรายละเอียดของผลสำรวจก็ต้องทำความเข้าใจนิยามเสียก่อนว่าซอฟต์เพาเวอร์หมายความว่าอย่างไร และ Brand Finance ใช้วิธีการใดในการวัดผล เนื่องจากมีการนำคำนี้มาใช้ในประเทศไทยอย่างมากล้นจนชักเกิดความสับสนว่าแต่ละคนใช้คำศัพท์นี้ในความหมายใดกันแน่

โดย Brand Finance ได้อาศัยแนวคิดเดิมของ “โจเซฟ นาย” (Joseph Nye) นักรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ริเริ่มนำเสนอความคิดนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 กระทั่งพัฒนามาเป็นทฤษฎีร่วมสมัยในปัจจุบัน

ซึ่ง Brand Finance ให้คำจำกัดความซอฟต์เพาเวอร์เอาไว้ว่าหมายถึงความสามารถของแต่ละประเทศในการสร้างความพึงพอใจและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้อื่น อันหมายรวมถึงตัวแสดงต่างๆในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นรัฐชาติ บริษัทห้างร้าน ชุมชน ผู้คน ฯลฯ ผ่านการชักจูง โน้มน้าว หรือดึงดูดใจ ไม่ใช่บังคับขู่เข็ญ อันทำให้ฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่าสามารถได้รับสิ่งที่ตนต้องการจากฝ่ายที่มีอำนาจด้อยกว่าได้โดยง่าย เนื่องจากคล้อยตามผลประโยชน์ ค่านิยม อุดมคติ และบรรทัดฐานของฝ่ายที่เหนือกว่านั่นเอง

กล่าวโดยสรุปก็คือ แนวคิดนี้เน้นย้ำความสำคัญของการสร้างศักยภาพในการพิชิตใจผู้อื่น และเอาชนะด้วยการทำให้รัก เป็นผลให้ฝ่ายที่ถูกกระทำยอมมอบสิ่งต่างๆ ให้อย่างเต็มใจ มิใช่ใช้กำลังบังคับ อย่างเช่น วิธีการทางทหารหรือบีบบังคับทางเศรษฐกิจ เป็นต้น เพราะวิธีบังคับนั้นแม้ว่าบางครั้งจะได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ แต่ก็ได้มาโดยผู้ให้ไม่เต็มใจ และทำให้เกิดการเกลียดชังต่อต้าน

การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลประกอบไปด้วยเสาหลัก 8 เสา คือ 1.ด้านธุรกิจและการค้า 2.การเมืองการปกครอง 3.ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 4.วัฒนธรรมและมรดก 5.สื่อและการสื่อสาร 6.การศึกษาและวิทยาศาสตร์ 7.ผู้คนและค่านิยม 8.อนาคตที่ยั่งยืน

ซึ่งในแต่ละเสายังมีหัวข้อแยกย่อยออกไปเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอีกหลายแง่มุม (ดูตารางที่ 1)

ภาพรวมผลการสำรวจล่าสุดในปี 2023

สําหรับผลการสำรวจล่าสุดในปีนี้เพิ่งประกาศออกมาในงาน Global Soft Power Summit 2023 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2566 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งรายงานฉบับเต็มได้รับการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ https://brandirectory.com/softpower/report โดยมีผลสรุปที่น่าสนใจหลายประการ

เช่น ไม่มีประเทศละตินอเมริกาและประเทศในทวีปแอฟริกาแถบซับซาฮาราติดโผ 30 อันดับแรกเลย

ส่วนประเทศในเอเชียใต้อย่างศรีลังกาก็ร่วงดิ่งเหวอย่างรุนแรง

แตกต่างกับประเทศในแถบนอร์ดิกหรือสแกนดิเนเวียที่เปล่งประกายเจิดจรัสจากความยั่งยืนในด้านต่างๆ

นอกเหนือไปจากแง่มุมที่กล่าวมาแล้ว ก็มีประเด็นที่น่าจับตามองในปีนี้อีก 3 หัวข้อ คือ

1.Top 10 ประเทศชั้นนำยังคงที่ แต่ยูเออีกำลังมาแรง

10 อันดับประเทศชั้นนำของโลกด้านซอฟต์เพาเวอร์นั้นส่วนใหญ่คงที่หรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ยกเว้นอันดับ 10 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออีโผล่เข้ามาติดอันดับได้เป็นครั้งแรก โดยพุ่งขึ้นมาจากอันดับที่ 15 ในปีที่แล้วขึ้นมาอยู่ที่ 10 ในปีนี้ มีคะแนนเพิ่มขึ้น 3.2 คะแนน จากเดิมที่ได้ 52 มาเป็น 55.2 คะแนน

ถือว่าเป็นการพัฒนาอย่างน่าจับตามองเลยทีเดียว

ส่วนอันดับที่เหลือตั้งแต่ 1-9 ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศมหาอำนาจด้านซอฟต์เพาเวอร์ที่ติดอันดับ Top 10 เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว (ดูตารางที่ 2)

2.รัสเซียตกต่ำอย่างน่าใจหาย ในขณะที่ยูเครนกลับพุ่งทะยาน

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เปิดฉากสงครามกับยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2022 หลังจากผ่านไป 1 ปีกว่าๆ เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำมาตั้งแต่การระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่แล้วก็ยิ่งย่ำแย่เข้าไปใหญ่

ผลกระทบจากศึกครั้งนี้ลามไปสู่วิกฤตในรัสเซียทั้งด้านอาหารและพลังงาน ภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภาพลักษณ์ของรัสเซียที่ตกต่ำลงอย่างมากในประชาคมโลก

ในขณะที่มิติด้านภาพลักษณ์ของประเทศร่วงลงเหวจากอันดับที่ 23 ไปที่อันดับ 105

มิติด้านธุรกิจและการค้าของรัสเซียก็ดิ่งฮวบลงเช่นกัน โดยหัวข้อความสะดวกในการทำธุรกิจนั้นตกลง 61 อันดับ

ส่วนหัวข้อศักยภาพแฝงของการเจริญเติบโตในอนาคตก็ตกลงถึง 74 อันดับ

ซึ่งสวนทางกับประเทศคู่สงครามอย่างยูเครนที่คะแนนพุ่งขึ้นพรวดพราด +7.7 แต้ม ได้คะแนนรวม 45.3 ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 37 ของโลก จากเดิมที่ได้อันดับ 51 เมื่อปีที่ผ่านมา

เป็นการขยับอันดับแบบก้าวกระโดดถึง 14 อันดับเลยทีเดียว

3.ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 41 ของโลก ตกลงจากเดิมซึ่งได้ที่ 35 ในปีก่อน 6 อันดับ

ถึงแม้ตำแหน่งของไทยในแผนที่ซอฟต์เพาเวอร์โลกจะไม่สูงมาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดต่ำ และจัดว่ามีอนาคตที่ดี เพราะยังมีทุนทางวัฒนธรรมมากมาย มีศักยภาพแฝงอยู่เยอะ เพียงแต่ขาดการพัฒนาอย่างเต็มที่

ประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องอาหารการกิน ศิลปวัฒนธรรม มรดกทางประวัติศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ ผู้คนยิ้มแย้มอัธยาศัยดี มีศิลปะการต่อสู้เลื่องชื่ออย่างมวยไทย

แต่มีจุดอ่อนในเรื่องการเมืองการปกครองและกฎหมาย ซึ่งปีนี้ไทยได้คะแนนมากขึ้น 3.9 แต้ม เพิ่มมาเป็น 44.3 คะแนน อยู่ในอันดับ 41 ของโลก

แต่กระนั้นก็ยังมิวายร่วงลงถึง 6 อันดับ จากเดิมในลำดับ 35 เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งตำแหน่งที่ถดถอยลงนี้น่าจะมาจากหลากสาเหตุหลายปัจจัย

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของไทยในขณะนี้ยังถือว่าดีกว่าประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียน คืออยู่ในอันดับที่ 3 ของภูมิภาค โดยมีสิงคโปร์นำมาเป็นที่ 1 ในอันดับ 21 ด้วยคะแนน 53.7

รองลงมาคือมาเลเซีย 44.7 อยู่ในอันดับที่ 39

ส่วนประเทศรั้งท้ายในอาเซียนคือลาว ได้ 33.9 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 117 จากการสำรวจ 121 ประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ คะแนนของชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด เป็นไปตามตารางการสรุปอันดับ (ดูตารางที่ 3)

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าขอบเขตของซอฟต์เพาเวอร์ในการจัดอันดับของ Brand Finance มีความหมายกว้างกว่าที่ภาครัฐและสื่อมวลชนไทยนิยมใช้

สังเกตได้จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลและการสนับสนุนวัฒนธรรมตามแนวทาง 5F คือ

1. อาหาร (Food)
2. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film)
3. การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion)
4. ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting)
และ 5. เทศกาล (Festival)

ซึ่งแม้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “พลังอำนาจอ่อน” ที่เรียกว่ากันว่าซอฟต์เพาเวอร์เท่านั้น ไม่ใช่ศักยภาพทั้งหมดทั้งมวลของชาติในการแผ่ขยายอิทธิพลไปสู่พื้นที่ต่างๆ ของโลกผ่านกิจกรรมระหว่างประเทศ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...