โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เขมรขอไทยเจรจาหยุดยิง

ไทยโพสต์

อัพเดต 25 ธ.ค. เวลา 00.14 น. • เผยแพร่ 24 ธ.ค. เวลา 17.01 น.

นานาชาติมองไทย-เขมรรบปมใหญ่มนุษยธรรม ด้าน ทอ.โจมตีเชิงลึก “คลังอาวุธ” ในพระตะบอง เพื่อปกป้องชีวิตคนไทย หลังกัมพูชากระหน่ำยิงเข้าพื้นที่พลเรือนในสระแก้ว ย้ำภารกิจในพื้นที่ สีส้ม-สีแดง “ทภ.1” ยึด “บ้านคลองแผง” เตรียมสถาปนาที่มั่น ขณะที่วงประชุม GBC “ไทย-เขมร” วันแรกราบรื่น ยึดกฎเหล็ก ไม่ลงนามข้อตกลงที่คลุมเครือ พร้อมชี้พฤติกรรมผิดกติกาสากล 5 ประเด็น ด้าน "รมว.กลาโหมกัมพูชา" ร่อนจดหมายถึง “บิ๊กเล็ก” ขอเจรจาหยุดยิง

เมื่อวันพุธ ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวฯ เปิดเผยถึงรายงานการประเมินกระแสสังคมและนานาชาติ กรณีความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนถึงวันที่ 23 ธ.ค.68 ระบุว่า ภาพรวมการรับรู้ทั้งในและต่างประเทศสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกัน โดยภายในประเทศกระแสสนับสนุนการปกป้องอธิปไตยและบทบาทของกองทัพอยู่ในระดับสูง ขณะที่เวทีนานาชาติให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ

“ในระดับนานาชาติ สื่อต่างประเทศและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนหนึ่งให้น้ำหนักกับผลกระทบต่อพลเรือน ความสูญเสีย และคำถามด้านกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยภาพลักษณ์ของไทยมักถูกนำเสนอผ่านกรอบเปรียบเทียบระหว่าง “ประเทศขนาดใหญ่กับประเทศขนาดเล็ก” แม้ฝ่ายไทยจะย้ำหลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายสากลก็ตาม ขณะเดียวกัน ประเทศมหาอำนาจและประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียนและจีน แสดงท่าทีสนับสนุนการใช้กลไกการเจรจาและการไกล่เกลี่ยเพื่อลดความตึงเครียด”

พล.อ.อ.ประภาสกล่าวว่า บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์ในรายงานระบุว่า ไทยควรรักษาความชอบธรรม ความสงบ และความเป็นเอกภาพภายในประเทศ ควบคู่กับการลดผลกระทบด้านมนุษยธรรม ใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นแกนหลักในการดำเนินการ สื่อสารอย่างมืออาชีพ และอาศัยกลไกภูมิภาคเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดอย่างยั่งยืน

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยโฆษกเหล่าทัพ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว สรุปสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 24 ธ.ค.68 ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกว่า สำหรับสถานการณ์ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ของวันที่ 23 ธ.ค.68 ฝ่ายกัมพูชาเปิดจากโจมตีทหารไทยบริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 4 นาย ส่งผลให้จำนวนทหารไทยที่เสียชีวิตขณะนี้ มีทั้งหมด 23 รายแล้ว

จากนั้นในเวลา 17.00 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าใส่พื้นที่อุทยานแห่งชาติผามออีแดง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้อาคารที่ทำการอุทยานได้รับความเสียหาย โดยขณะนี้พื้นที่ที่ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง ยังคงมี 2 จุดหลักๆ คือบริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว และที่ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ

ยิงเดือด BM-21

พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า จากนั้น ในช่วง 10.15 น.ของวันนี้ ฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิงจรวด BM-21 กว่า 80 ลูก เข้าใส่พื้นที่อำเภอตาพระยา และบริเวณบ้านคลองแผง จังหวัดสระแก้ว หลังจากที่ถูกฝ่ายไทยผลักดันออกจากพื้นที่

“ปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชายังคงระดมโจมตีฝ่ายไทยด้วยอาวุธหนัก แม้กระทั่งในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างริเริ่มจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชาในวันนี้ เพื่อหารือแนวทางในการลดความตึงเครียดและวางมาตรการไปสู่สันติภาพ และสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจในการร่วมแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับไทยมากน้อยเพียงใด และทำให้ฝ่ายไทยยังคงต้องป้องกันตนเองด้วยการโจมตีโต้ตอบ เพื่อยุติการโจมตีดังกล่าวตามหลักการสากล”

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในเวลา 16.00 น. วันนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นประธานการประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงพัฒนาการของสถานการณ์ไทย-กัมพูชาปัจจุบัน และมอบนโยบายให้กับผู้แทนไทยเพื่อไปชี้แจงท่าทีดังกล่าวกับมิตรประเทศ รวมทั้งเป็นการติดตามความคืบหน้ากับสถานเอกอัครราชทูตที่เกี่ยวข้อง ถึงความคืบหน้าของขั้นตอนดำเนินการต่างๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหลักฐานไปยังองค์การระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะในเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ยังคงพบหลักฐานการใช้ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาอยู่ในขณะนี้

“ซึ่งไทยคาดหวังว่าประเทศแซมเบีย ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 23 จะดำเนินการตามที่ไทยร้องเรียน ซึ่งในขณะนี้ ท่าทีของแซมเบียต่อไทยในประเด็นดังกล่าว เป็นไปด้วยดี รวมทั้งไทยจะดำเนินการเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา ในกรอบกฎหมายสากลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย” นางมาระตีระบุ

ขณะที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า กองทัพบกยืนยันว่า ที่กัมพูชาอ้างว่าระเบิดคลัสเตอร์ M-46 แท้จริงแล้วเป็นกระสุนปืนใหญ่แบบทวิประสงค์ที่ใช้ต่อเป้าหมายทางทหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำลายเท่านั้น เมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมายแล้ว กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะระเบิดต่อเนื่องในทันที ไม่มีผลตกค้างในระยะยาวต่อพลเรือน การกล่าวอ้างในลักษณะดังกล่าวเป็นการกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยมีเจตนามุ่งกล่าวหาและลดทอนความน่าเชื่อถือของฝ่ายไทย

“กองทัพบกขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกและองค์กรระหว่างประเทศพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และตระหนักถึงพฤติกรรมการใช้อาวุธและการปฏิบัติทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่ยังคงมีการใช้อาวุธยิงสนับสนุน เช่น ระบบ BM-21 อาวุธปืน ทุ่นระเบิด PMN-2 รวมถึงการดัดแปลงลูกกระสุนและระเบิดแสวงเครื่องจำนวนมาก ยิงเข้ามาในดินแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนฝ่ายไทยมาโดยตลอด” พล.ต.วินธัยระบุ

ถล่มคลังเขมร

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ (โฆษก ทอ.) กล่าวว่า ทอ.ยังคงการปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการร้องขอของกองทัพบก (ทบ.) อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่สีส้ม ที่มีการควบคุมบางส่วน และพื้นที่สีแดงคือพื้นที่ที่มีการปะทะ ซึ่งปัจจุบันกัมพูชายังคงยิงเข้ามาโจมตีไทยทั้งทางเป้าหมายทหารและพลเรือน ส่งผลต่อความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

“ยืนยันว่าสันติภาพมาพร้อมกับความจริงใจ ขณะนี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่แสดงความจริงใจใดๆ ทั้งสิ้นกับคำว่าหยุดยิง จึงเป็นหน้าที่ที่ทหารจะต้องรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าว

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวยอมรับว่า เมื่อช่วงเช้านี้ (24 ธ.ค. 2568) ได้มีปฏิบัติการทางอากาศโจมตีเป้าหมายคลังอาวุธของกัมพูชา ใน ต.พนมซ็อมเปา อ.บานัน จ.พระตะบอง เพื่อที่จะลิดรอนขีดความสามารถ เพื่อให้มั่นใจว่ากำลังรบของเรามีความปลอดภัย

เมื่อถามว่า เป็นการยกระดับการปฏิบัติงานทางอากาศเพื่อโจมตีพื้นที่เชิงลึกของกัมพูชาครั้งแรกหรือไม่นั้น พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวว่า เรายังปฏิบัติต่อเป้าหมายทางการทหาร ซึ่งเป็นสิทธิในการป้องกันตนเอง ซึ่งการโจมตีทางอาวุธถือเป็นสิทธิและเป็นการโจมตีเพื่อมนุษยธรรมด้วย ไม่ได้โจมตีที่เป้าหมายคนหรือกำลังทหารทางกัมพูชา แต่เป็นการโจมตีอาวุธที่เป็นภัยคุกคามต่างๆ ส่วนเป้าหมายที่โจมตีตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน ยืนยันว่าเป็นเป้าหมายทางทหารทั้งสิ้น และส่งผลกระทบต่อพลเรือนน้อยที่สุด

ด้านกองทัพภาคที่ 1 รายงานสถานการณ์สู้รบเข้าสู่วันที่ 17 โดยระบุว่า ปฏิบัติการตอบโต้และรักษาอธิปไตย การปฏิบัติการในพื้นที่แนวรบ ทั้ง 3 แนวรบ ในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ซึ่งมีลักษณะเป็นที่โล่ง ไม่มีฐานที่มั่นหรือกำบังที่มีความแข็งแรง ง่ายต่อการเป็นพื้นที่โจมตี อีกทั้งฝ่ายกัมพูชายังใช้พื้นที่ของพลเรือนเป็นที่ตั้งทางทหารในการโจมตีมายังฝ่ายเรา

1.พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ฝ่ายเราสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการต้านทานด้วยการยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM-21 มาอย่างต่อเนื่อง

2.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ฝ่ายเราสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการต้านทานด้วยการยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM-21 มาอย่างต่อเนื่อง

3.พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาได้เสริมความแข็งแรงของที่มั่น และโจมตีฝ่ายเราด้วยอาวุธปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และ BM-21 มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายเราได้ปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ และใช้อาวุธยิงตอบโต้เพื่อช่วงชิงและควบคุมพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จต่อไป

สำหรับปฏิบัติการต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่ฝั่งปอยเปต ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ การโจมตีที่มั่นทางทหาร คลังเก็บอาวุธกระสุน ที่ตั้งผลซุ่มยิง ที่ตั้งอาวุธวิถีโค้ง ตลอดจนระบบติดตั้งหรือสื่อสารต่างๆ ที่มุ่งเป้าโจมตีมายังฝ่ายเรา และให้สิ้นสภาพต่อการเป็นภัยคุกคาม โดยคำนึงถึงการตอบโต้ตามสัดส่วน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ

วันแรก GBC

ที่ จ.จันทบุรี เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ที่จัดขึ้นบริเวณชายแดน ด่านผ่านแดนช่องผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน คณะฝ่ายเลขานุการฝ่ายไทย นำโดย พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร พร้อมคณะฝ่ายเลขานุการ GBC ฝ่ายไทย และคณะเลขานุการ GBC ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ต.แญม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมพูดคุยในวันแรก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เท่านั้น

ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐพงษ์เปิดเผยภายหลังการพูดคุยว่า การพูดคุยวันแรกเป็นการหารือในประเด็นที่จะมีการหารือในวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. ซึ่งแต่ละฝ่ายได้กล่าวถึงจุดยืนของตัวเอง โดยฝั่งกัมพูชาจะมาเต็มคณะในวันพรุ่งนี้ สำหรับความคืบหน้าการพูดคุยทางคณะเลขานุการฝ่ายไทยจะส่งข้อมูลให้สื่ออีกครั้ง ซึ่งท่าทีของฝ่ายกัมพูชาเป็นไปโดยปกติ-การพูดคุยเป็นไปด้วยดี

โดยการประชุมฝ่ายเลขาฯ GBC ไทย-กัมพูชา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 ธันวาคม 2568 จากนั้นจะเป็นการประชุม GBC ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย-กัมพูชาเป็นประธานร่วม ในวันที่ 27 ธันวาคม 2568

สำหรับแนวทางการประชุม GBC ไทย-กัมพูชาครั้งนี้ ฝ่ายไทยจะชี้ถึงพฤติกรรมที่กัมพูชาละเมิดกติกาสากล 5 ข้อคือ 1.การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (ครอบครอง-ผลิต-ใช้ทุ่นใหม่) 2.ใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทหาร 3.ใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก/ย้ายกลับชุมชนหลังยิง 4.ใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้ง/คลังอาวุธ (รวมถึงอาคารที่เชื่อมโยงสแกมเมอร์/กาสิโนถูกใช้ทางทหาร) 5.ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์และเป็นเครื่องมือกล่าวหาเมื่อเกิดความสูญเสีย ทั้งนี้ หากการหารือฝ่ายเลขาฯ ไม่สามารถตกลงกรอบสำคัญเชิงเทคนิคได้ เช่น การวางกำลัง และรายละเอียดที่ทำให้หยุดยิง ทางฝ่ายไทยก็จะไม่ประชุม GBC และลงนามในวันที่ 27 ธันวาคมนี้

เมื่อเวลา 18.20 น. กองบัญชาการกองทัพไทยออกเอกสารข่าวว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงจุดยืนต่อเงื่อนไขการหยุดยิง บริเวณพื้นที่ชายแดน โดยระบุให้ฝ่ายกัมพูชาต้องแสดงเจตจำนงผ่านการปฏิบัติ 3 ประการ ได้แก่ การประกาศหยุดยิงก่อน การยุติการใช้กำลังอย่างต่อเนื่อง และความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างเป็นรูปธรรมนั้น

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เพื่อแสดงความประสงค์ในการเจรจาหยุดยิง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญภายใต้กรอบเงื่อนไขที่ไทยกำหนด

ทั้งนี้ จากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ผ่านมา นำไปสู่การจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ตามข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 ธันวาคม 2568 ณ จังหวัดจันทบุรี โดยฝ่ายไทยมี พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร และฝ่ายกัมพูชา มี Major General Nhem Boraden เป็นหัวหน้าคณะการประชุม

ที่วัดห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพจ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน อายุ 38 ปี ทหารไทยที่ไปเสียชีวิตระหว่างการปะทะกับทหารกัมพูชา กับลูกน้องพลทหาร รวม 2 ศพ ในคราวเดียวกัน ที่เนิน 350 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธาน บรรยากาศทั่วไปยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีเพื่อนร่วมรบชุดเดียวกันมาร่วมงานศพ.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...