จัดห้องเรียนสู้ฝุ่น–ติดเครื่องวัดฝุ่นรร.สังกัดกทม.ปรับการสอนหากPM2.5 มีแนวโน้มสูง
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พิศมัย เรืองศิลป์ ผอ.สำนักการศึกษา (สนศ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในโรงเรียนสังกัด กทม.และการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่เด็กนักเรียนเกี่ยวกับวิธีป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากฝุ่นว่า ได้มีการซักซ้อมความเข้าใจแนวทางปฏิบัติการจัดกิจกรรมธงคุณภาพอากาศโรงเรียนในสังกัด กทม. และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในโรงเรียนสังกัด กทม. กำชับให้ดำเนินการตามแนวทางและมาตรการอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่นชั้นอนุบาลโรงเรียนในสังกัด โดยจัดห้องปลอดฝุ่น (Clean Air Shelter) ประจำปีงบ 68-69 สำหรับกลุ่มเด็กอนุบาล อายุประมาณ 3-6 ปี จำนวน 2,119 ห้อง ดำเนินการเสร็จแล้ว 1,075 ห้อง ส่วนจำนวนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นการดำเนินการในภาพรวม โดยสำนักการศึกษา (สนศ.) สำนักงานเขตใช้งบประมาณสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และภาค CSR ให้การบริจาคและสนับสนุน ซึ่งมีแนวทางดำเนินการปรับปรุงห้องระบบเปิดให้เป็นระบบปิด ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ INVERTER พร้อมพัดลมระบายอากาศ เดินระบบ MAIN BREAKER ภายในห้อง และติดตั้งวัดค่าแบบแขวน ระบบคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 พร้อมทั้งจัดหาเครื่องฟอกอากาศให้มีครบทุกห้องเรียนชั้นอนุบาล ทั้งนี้ โรงเรียนวัดราชผาติการาม สำนักงานเขตดุสิต ได้ดำเนินการห้องเรียนปลอดฝุ่น แบบเติมอากาศสะอาดความดันบวก โดยได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
พร้อมอบรมเชิงปฏิบัติการห้องเรียนสู้ฝุ่น โดยสร้างโรงเรียนนำร่องสังกัด 32 โรงเรียน พัฒนาเป็นโรงเรียนต้นแบบ 7 โรงเรียน และอบรมเพิ่มเติมอีก 405 โรงเรียน เพื่อให้ครบทั้ง 437 โรงเรียน รวมทั้งขยายเพิ่มเติมในโรงเรียนฝึกอาชีพ กทม. 10 แห่ง โดยได้มอบเครื่องวัดคุณภาพอากาศหรือเครื่องวัดฝุ่นติดตั้งในโรงเรียนที่ขยายผล
สำหรับการพิจารณาแนวทางจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัด ในช่วงที่มีปริมาณค่าฝุ่น PM2.5 สูง จะพิจารณาตามกิจกรรมธงคุณภาพอากาศในโรงเรียน ที่ดำเนินการแจ้งเตือนเป็นประจำทุกวัน และในช่วงฤดูหนาวให้ดำเนินการแจ้งเตือนวันละ 3 เวลา ได้แก่ เวลา 07.00 น. เวลา 11.00 น. และเวลา 17.00 น.
โดยกำหนดให้โรงเรียนติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศทางเว็บไซต์ www.airbkk.com หรือแอปพลิเคชัน AirBKK และแจ้งเตือนผ่านกิจกรรมการแสดงธงคุณภาพอากาศ 5 ระดับ ได้แก่ ธงสีฟ้า = อากาศดีมาก ธงสีเขียว = อากาศดี ธงสีเหลือง = อากาศปานกลาง ธงสีส้ม = อากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และธงสีแดง = อากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ
โดยมีมาตรการป้องกันภัยฝุ่น เช่น ให้โรงเรียนงดกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท เปิดม่านละอองน้ำและสปริงเกลอร์บริเวณอาคารเรียนและรอบโรงเรียน จัดเตรียมหน้ากากอนามัยสำหรับนักเรียน
ทั้งนี้ สำนักอนามัย (สนอ.) ได้จัดสรรหน้ากากอนามัยสำหรับนักเรียนอนุบาลให้กับ สนศ. เพื่อแจกจ่ายให้กับโรงเรียนที่มีชั้นเรียนอนุบาล ทั้ง 429 โรงเรียน ในพื้นที่ 50 เขต จำนวนคนละ 9 ชิ้น พร้อมทั้งจัดให้มีห้อง Safe Zone ครบทุกโรงเรียน
หากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ ให้ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาหยุดการเรียนการสอน หรือปิดสถานศึกษาและจัดการสอนชดเชยในภายหลัง โดยพิจารณาดังนี้ ระดับธงสีส้ม หากสถานการณ์ฝุ่น ยังไม่ลดลง มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อนักเรียน และระดับธงสีแดง หากสถานการณ์ฝุ่น ยังไม่ลดลง มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน ให้ใช้ดุลพินิจปิดการเรียนการสอน ผู้อำนวยการสถานศึกษา ครั้งละไม่เกิน 3 วัน ผู้อำนวยการเขต ครั้งละไม่เกิน 7 วัน ผอ.สนศ. ครั้งละไม่เกิน 15 วัน ตั้งแต่ 2-5 เขต ผู้ว่าฯ กทม.อำนาจไม่จำกัดระยะเวลา เมื่อฝุ่น PM2.5 มีค่าสูงเกินมาตรฐาน มากกว่า 5 เขต และให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนชดเชย หรือจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ Online ทดแทน ในช่วงการปิดการเรียนการสอน รวมถึงให้โรงเรียนมีพื้นที่ Safe Zone สำหรับนักเรียนกลุ่มเปราะบาง และให้สื่อสารกับนักเรียนและผู้ปกครองในการดูแลสุขภาพ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากฝุ่น PM2.5 ในชีวิตประจำวัน.