โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘อนุทิน’ ขี่กระแสชาตินิยม รวมบ้านใหญ่สู่รัฐบาล 4 ปี

ไทยโพสต์

อัพเดต 31 ธันวาคม 2568 เวลา 2.56 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง”,“รัฐบาลสนับสนุนการทำหน้าที่ของกองทัพอย่างเต็มที่”, “นี่เป็นเรื่องของสองประเทศ ไม่ใช่เรื่องของคนนอก” และ “การหยุดยิงจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อกัมพูชาแสดงความจริงใจ และต้องแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรม”

ประโยคทั้งหมดนี้ คือจุดยืน ต่างกรรมต่างวาระ ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และไม่ใช่เพียงถ้อยคำทางการเมือง หากแต่พิสูจน์ผ่านการกระทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

เพียงแค่การปล่อยให้กองทัพปฏิบัติการยึดคืนดินแดนไทย ทั้งช่องอานม้า เนิน 350 ปราสาทคนา และปราสาทตาควาย โดยไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ก็ถือว่า “ได้ใจ” คนไทยหัวใจรักชาติไปไม่น้อย ยามที่กองทัพรุกคืบถึงปอยเปต “อนุทิน” ไม่ได้ทัดทาน ตรงกันข้ามยังสนับสนุนเต็มที่ สร้างขวัญและกำลังใจให้ฝ่ายความมั่นคงอย่างมาก แม้จะมีเสียงท้วงติงจากนานาชาติเป็นระยะ

“นายกรัฐมนตรี” ย้ำชัดว่า ทุกการตัดสินใจทำไปเพื่อปกป้องประเทศ เพื่อสกัดภัยคุกคาม และนี่คือเรื่องระหว่างสองชาติ ไม่เกี่ยวกับคนนอก ท่าทีดังกล่าวสะท้อนภาพผู้นำสไตล์ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ซึ่งต้องยอมรับว่า ถูกใจคนไทยจำนวนไม่น้อยในห้วงเวลานี้

ในอีกมุมหนึ่ง นายอนุทินคือหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ท่าทีแข็งกร้าวต่อปัญหาชายแดน แม้จะเป็น “ไฟต์บังคับ” ของผู้นำประเทศ ที่ต้องยืนเป็นหลักพิงให้ฝ่ายความมั่นคงและประชาชน แต่ผลลัพธ์ทางการเมืองกลับงอกเงยอย่างมีนัยสำคัญ

นี่คือช่วงเวลาที่ “อนุทิน” มีคะแนนนิยมสูงที่สุดนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่สนามการเมือง และยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อเหลือเวลาเพียงเดือนเศษ ก็จะถึงวันเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569 ท่าทีแบบไม่อ่อนข้อ กลายเป็นแต้มต่อสำคัญของพรรคสีน้ำเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะเมื่อสังคมยังไม่ลืมคลิปเสียง “อังเคิล” และความเข็ดขยาดต่อผู้นำที่ถูกมองว่าอ่อนประสบการณ์ จนศักดิ์ศรีชาติแทบมลายสิ้น รวมถึงฝ่ายการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์กับกองทัพ พยายามลดทอนคุณค่ารั้วของชาติ เมื่อถูกนำมาเปรียบเทียบกับท่าทีของนายอนุทิน ต้องบอกว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

กระแสรักชาติที่หนุนพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นสถานการณ์ที่ “ไม่มีใครเขียนบทให้” หากแต่สถานการณ์พาไป ต่างจากเกมดูดบ้านใหญ่เข้าสังกัดพรรค ซึ่งเป็นแผนการที่เดินมานานก่อนสงครามจะปะทุ

นักการเมืองระดับดาวฤกษ์ทยอยเข้าสู่พรรคภูมิใจไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งบ้านใหญ่คุณปลื้ม กลุ่มใหม่สุชาติ จากชลบุรี บ้านใหญ่อังกินันทน์ จากเพชรบุรี กลุ่มชาติไทยพัฒนาเดิม นำโดย วราวุธ ศิลปอาชา แห่งสุพรรณบุรี ที่มาพร้อมบ้านใหญ่นครปฐม ตระกูลสะสมทรัพย์ รวมถึง จุมพล จุลใส จากชุมพร และร่มธรรม ขำนุรักษ์ จากพัทลุง

ทั้งหมดนี้เป็นเพียง “หนังตัวอย่าง” เพราะข้างในยังมีมากกว่านี้อีก เมื่อผนวกกับ สส.ดาวฤกษ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่เคยชนะเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทำให้ประเมินได้ว่า การเลือกตั้งรอบหน้า พรรคสีน้ำเงินมีโอกาสกวาด สส.เขตแตะระดับ 130 ที่นั่งไม่ยาก และหากกระแสรักชาติยังแรงต่อเนื่อง ตัวเลขอาจพุ่งถึง 150 ที่นั่ง เปิดทางสู่การตั้งรัฐบาลอย่างสดใส

สอดคล้องกับมุมมองของ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ประเมินว่า พรรคภูมิใจไทยเดินเกมแบบ “บ้านใหญ่” มีเครือข่ายทางการเมืองเข้มแข็ง พร้อมระดมทุกทรัพยากรเพื่อขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง โดยมี “กระแสรักชาติ” เป็นตัวหนุนสำคัญ ขณะที่พรรคประชาชนเลือกเดินอีกแนว ใช้กระแสนโยบายและจุดยืนทางการเมืองเข้าสู้ ถือเป็นมวยคู่เอกของสนามเลือกตั้งรอบนี้ ส่วนพรรคสีแดง มีแนวโน้มถอยมาเป็นตัวแปร เปิดพื้นที่ให้พรรคน้ำเงินกับพรรคส้มดวลกันแบบสูสี

“หากตั้งต้นจาก สส.เดิมราว 70 คน บวกกับการย้ายพรรคจากหลายขั้ว ทั้งรวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา หรือแม้แต่บางส่วนจากเพื่อไทย ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ภูมิใจไทยจะได้ สส.เขตถึงราว 140 ที่นั่ง และเมื่อรวมบัญชีรายชื่อ อาจแตะระดับ 150 ที่นั่ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการขึ้นเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะได้อันดับหนึ่งหรือสองก็ตาม เพราะมีศักยภาพในการชวนพรรคอื่นร่วมรัฐบาลได้ง่ายกว่า” ดร.สติธรระบุ

ชัดเจนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยหมายมั่นปั้นมือ ระดมทั้งกระแสและกระสุน หวังขึ้นเป็นพรรคแกนนำ และกลับมาเป็นรัฐบาลอำนาจเต็ม สานต่อภารกิจเดิมอย่างต่อเนื่อง.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...