เปิดประวัติ 'สุรพงษ์ อินทรถาวร' มติเอกฉันท์ เลขา ป.ป.ช.คนใหม่
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2568 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์เลือกนายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ แทนนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ ที่ลาออกจากราชการเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยก่อนหน้านี้ นายสุรพงษ์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.และเป็นโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.มาแล้ว ขณะเดียวได้เข้าร่วมการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ ร่วมกับ พล.ต.ต.อรุณ อมรวิริยะกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีการสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะประกาศผลการคัดเลือกเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ดังกล่าว และนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
สำหรับประวัติ นายสุรพงษ์ ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่
นายสุรพงษ์ อินทรถาวร อายุ 59 ปี จบการศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เรียนจบหลักสูตร
หลักสูตร ผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน (วพน.) รุ่นที่ 17
หลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่นที่ 23
หลักสูตร การบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) รุ่นที่ 13
หลักสูตร นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) รุ่นที่ 3
ประวัติการทำงาน
เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ระดับ 3 สำนักงาน ป.ป.ป. 29 ตุลาคม 2533
เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ระดับ 6 สำนักงาน ป.ป.ช. 1 ตุลาคม 2542
นักกฎหมาย ป.ป.ช. ระดับ 8 สำนักงาน ป.ป.ช. 29 มิถุนายน 2550
ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครสวรรค์ 5 ตุลาคม 2555
ผู้อำนวยการศูนย์กำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 1 ตุลาคม 2557
ผู้อำนวยการสำนักคดี 23 มกราคม 2558
ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1 ตุลาคม 2560
รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1 ตุลาคม 2563
รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1 ตุลาคม 2568
วิทยานิพนธ์ รางวัลชมเชย หัวข้อ “การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐศึกษากรณี : การไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542” คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
งานที่ได้รับมอบหมายเป็นกรณีพิเศษ
กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
กรรมการดำเนินการขับเคลื่อนตามมาตรา 130 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
อนุกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
อนุกรรมการพิจารณาและให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ท.
อนุกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง
อนุกรรมการบริหารงานคดี
คณะทำงานจัดทำคำของบประมาณ
คณะทำงานประเมิน ITA ของส่วนราชการภายในสำนักงาน ป.ป.ช.
ผลงานสำคัญ
(1) ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการฟ้องคดีปิดปากในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ พ.ศ. …. ได้เป็นผลสำเร็จ และส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา จนท้ายที่สุดในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ ในวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 ที่ประชุมได้พิจารณามีมติเอกฉันท์ 507 เสียง เห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ .. พ.ศ. ….
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป อันจะเป็นมาตรการและกลไกในการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นภารกิจหลักของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช.
รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และยังทำให้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของไทยมีมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับ สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) ด้วย
(2) ยกร่างระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือ การขอรับความช่วยเหลือ และการยกเลิกการให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 132/2 พ.ศ. 2568 และระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568
และการขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายในฐานะประธานอนุกรรมการจัดเตรียมความพร้อมการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่แก้ไขเพิ่มเติม (Anti SLAPP Law) จนเสร็จสิ้นกระบวนการและมีผลบังคับใช้ได้เป็นผลสำเร็จ โดยระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือ การขอรับความช่วยเหลือ และการยกเลิกการให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 132/2 พ.ศ. 2568 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2568 เป็นต้นไป
และระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
(3) หัวหน้าผู้ว่าคดีและการดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ บ.ค. 1/2568 ระหว่าง อัยการสูงสุด คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันตำรวจโททักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย (คดีชั้น 14) ชั้นบังคับโทษตามคำพิพากษา