โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

อาหารเสริมไฟเบอร์เวิร์กไหม? เหมือนกินจากผักผลไม้รึเปล่า?

BT Beartai

อัพเดต 08 ก.ค. 2567 เวลา 09.28 น. • เผยแพร่ 08 ก.ค. 2567 เวลา 09.28 น.
อาหารเสริมไฟเบอร์เวิร์กไหม? เหมือนกินจากผักผลไม้รึเปล่า?

ไฟเบอร์ (Fiber) หรือใยอาหารเป็นสารอาหารที่หลายคนได้รับไม่เพียงพอ ข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ว่าคนไทยควรได้รับไฟเบอร์ราว 25–35 กรัม/วัน หรือเทียบเท่าการกินผักผลไม้ราว 500 กรัม ซึ่งแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่คงไม่อยากกินผัก หรืออาจไม่มีเวลาในการหาผลไม้มากินได้มากมายขนาดนั้น

ทุกวันนี้เราเลยเห็นอาหารเสริมไฟเบอร์แบบสำเร็จรูปขายอยู่ทั่วไป ทั้งแบบผงชงกับน้ำ แบบแคปซูลเพื่อชดเชยไฟเบอร์ที่ร่างกายขาดไป หรือบางคนก็กินเพื่อช่วยในการขับถ่าย แต่ไฟเบอร์ในรูปแบบอาหารเสริมมีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนไฟเบอร์จากผักผลไม้ไหม?

จริง ๆ แล้ว ไฟเบอร์คือคาร์โบไฮเดรตรูปแบบหนึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยเองได้ต่างจากคาร์บ อย่างแป้ง และน้ำตาล แต่ไฟเบอร์คืออาหารของสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วที่เรียกว่าจุลินทรีย์ที่อยู่ภายในลำไส้ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพ ทั้งระบบย่อยอาหาร การขับถ่าย สมอง ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพโดยรวม

อาหารเสริมไฟเบอร์มีประโยชน์ และได้ผลไหม?

หลายคนที่ไม่มีเวลาในการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ อย่างผักผลไม้มากิน ไปจนถึงคนที่ไม่ชอบกินอาหารกลุ่มนี้ อาจมีตัวเลือกอย่างอาหารเสริมไฟเบอร์มากินเพื่อทดแทนกัน แต่จะได้ผลเหมือนกับไฟเบอร์จากอาหารไหมนะ?

การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าอาหารเสริมไฟเบอร์อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเขาทดสอบให้คนที่เข้าร่วมงานวิจัยนี้ใช้อาหารเสริมไฟเบอร์ ร่วมกับการคุมแคลอรี (การจำกัดพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน) พบว่าสามารถช่วยลดค่า BMI หรือค่าดัชนีมวลกายที่เป็นเกณฑ์การวัดความอ้วนผอม หรือสมส่วน ลดมวลไขมันในร่างกาย ช่วยให้ระดับไขมันในเลือด และอัตราการอักเสบในคนที่มีโรคอ้วนลดลง

งานวิจัยอีกชิ้นพบว่าการใช้อาหารเสริมไฟเบอร์ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะไฟเบอร์กลุ่มไม่ละลายน้ำ (Insoluable Fiber) แถมยังดีต่อภาวะเบาหวานในคุณแม่ทิ้งตั้งครรภ์ด้วย

หรือการศึกษาอีกชิ้นที่เขาสกัดไฟเบอร์จากข้าวโอ๊ตมาในรูปแบบอาหารเสริม แล้วนำมาทดลองเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยพบว่าไฟเบอร์สกัดจากข้าวโอ๊ตไม่ได้ส่งผลต่อระดับน้ำตาล และความเสี่ยงของโรคเบาหวานโดยตรง แต่จะไปเสริมให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น ซึ่งหากร่างกายเราตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดี หรือในภาษาทางการแพทย์เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลิน ความเสี่ยงของโรคเบาหวานจะสูงขึ้น

จากการศึกษาเหล่านี้น่าจะพอบอกได้ว่าอาหารเสริมไฟเบอร์อาจมีประโยชน์คล้ายคลึงกับไฟเบอร์จากผักและผลไม้ ทั้งยังทำให้เราเข้าใจกลไกการทำงานของไฟเบอร์จากพืชบางชนิดมากขึ้นด้วย

แต่การกินอาหารเสริมไฟเบอร์ ≠ การกินผักผลไม้

หากอ้างอิงจากข้อมูลงานวิจัยที่เล่าไปในหัวข้อก่อนหน้า หลายคนคงรู้สึกว่าแบบนี้เราก็กินอาหารเสริมไฟเบอร์ไปเลย เพราะได้ประโยชน์เหมือนกัน แถมสะดวกกว่าด้วย ในแง่ของประโยชน์ และความสะดวกก็อาจจะใช่ แต่ถึงอย่างนั้นการกินอาหารเสริมไฟเบอร์ก็ยังไม่สามารถทดแทนการกินผักผลไม้ได้อยู่ดี

เพราะในผักผลไม้ไม่ได้มีแต่ไฟเบอร์ แต่มีสารอาหารจำเป็นอื่น ๆ อย่างวิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมี (Phytochemicals) ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายทั้งนั้น และสารอาหารบางชนิดจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ แอนติออกซิแดนต์ที่เราได้ยินตามโฆษณานั่นแหละ

สารต้านอนุมูลอิสระมีหน้าที่ปรับสารอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ในร่างกายให้สมดุล ซึ่งช่วยลดการอักเสบ และเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย ในภาพรวมการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด อย่างโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง แถมยังช่วยชะลอวัยได้ด้วย โดยสารต้านอนุมูลอิสระแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติต่างกันไป

อย่างไลโคปีนจากมะเขือเทศที่อาจช่วยความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เบต้าแคโรทีนจากฟักทองและแครอทที่ช่วยเรื่องสุขภาพดวงตา หรือวิตามินซีจากผลไม้ตระกูลส้มที่ขึ้นชื่อว่าช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้หลายชนิด เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมการกินอาหารเสริมไฟเบอร์ถึงทดแทนการกินผักผลไม้ไม่ได้นั่นเอง

ลิสต์ผักผลไม้ กินง่าย ไฟเบอร์สูง

การกินผักผลไม้อาจให้ความรู้สึกยุ่งยาก และไม่อร่อยสำหรับหลายคน ผู้เขียนเลยจะมาแนะนำผักผลไม้ที่กินง่าย และไฟเบอร์สูงเผื่อไปเจอไปเห็นที่ไหนจะได้ตัดสินใจซื้อไม่ยาก

  • ฝรั่ง แอปเปิล กล้วย และส้ม ≈ 3–4 กรัม / ผล
  • ข้าวโอ๊ต ≈ 10 กรัม / 100 กรัม
  • อัลมอนด์ ≈ 13 กรัม / 100 กรัม
  • เมล็ดเจีย ≈ 34 กรัม / 100 กรัม
  • ถั่วแดง ≈ 7 กรัม / 100 กรัม
  • อะโวคาโด ≈ กรัม / 100 กรัม
  • ป๊อปคอร์น ≈ 15 กรัม / 100 กรัม

เวลากินจริง ๆ คุณอาจจะไม่ต้องกินอย่างใดอย่างหนึ่งทีละเยอะ ๆ ก็ได้ เพียงแค่พยายามเติมผักผลไม้เข้าไปในมื้ออาหารเช้ากลางวันเย็นของคุณให้ได้มากที่สุดแค่นั้นเอง

สุดท้ายนี้ อาหารเสริมไฟเบอร์ยังคงเป็นอาหารเสริม การกินผักผลไม้ให้หลากหลายในปริมาณที่เหมาะสมย่อมส่งผลดีต่อร่างกายของเรามากกว่า เพราะได้ทั้งไฟเบอร์ และสารอาหารอื่น ๆ อาหารเสริมไฟเบอร์สามารถใช้ทุกวันได้อย่างปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ในปริมาณที่ข้างซองกำหนด ส่วนใครที่ชอบกินอาหารเสริมไฟเบอร์เพราะท้องผูก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เพราะอาการท้องผูกอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...