โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ทีมกลางตาราง บอลซาเล้งคุณภาพต่ำ

Soccersuck

เผยแพร่ 21 ม.ค. 2566 เวลา 16.59 น. • Soccersuck

หากใครเสพหนังซีรีย์ของเกาหลีหรือฮอลลีวู้ดมาอย่างโชกโชนจนเกิดวันใดวันนึงกลับมาดูของไทยเรา แว่บแรกที่คุณคิดในใจคือ “นี่มัน here อะไรเนี่ย!?”

เป็นสิ่งที่ผมอยากจะบอกถึงคู่ “สงครามกลางตาราง” ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ เชลซี ที่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

พูดได้ว่านี่เป็นเกมคุณภาพต่ำที่ผมเคยเห็นจากพวกทีมหนีตกชั้นเขาเล่นกันหรือถ้าบอกถูกสัญญาณรบกวนเป็นการถ่ายทอดสดจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ กูก็เชื่ออ่ะ

พวกเราเคยเป็นสักขีพยานดูพวก อาร์เซนอล, แมนฯซิตี้, แมนฯยูฯ หรือ นิวคาสเซิ่ล และ ไบรท์ตัน เขาเล่นกัน นี่มันฟ้ากับเหวสุดๆ

เขียนบท 3 วันถ่ายทำ 2 สัปดาห์

ผู้กำกับทำหนังโดยเอาชื่อนักแสดงเก่าๆมาหากินหลอกแดกเงินคนดูชัดๆ!!

ถ้าไม่นับแนวรับส่งบอลกลับไปมา “หงส์แดง” ต่อบอลปั้นเกมขึ้นมาไม่เกิน 3 หน….เสีย

ถึง 4 นี่แม่งก็เก่งแล้ว

สกาย สปอร์ต ใช้คำว่า แนวรับดูเหมือนพวก “nervous” แกว่งๆลนลาน แฟนบอลไม่รู้สึกอุ่นใจเมื่อถูกเพรสซิ่ง การคืนบอลให้ อลิสซอน หลายๆลูกส่งแบบมีขี้เหลืองๆติดมาด้วย “พ่อหมี” ต้องปั่นไซด์ข้างเท้าทิ้งพร้อมสีหน้าที่ดูตึงเครียด

ในขณะที่ “สิงห์บลู” จะบอกว่าห่วยพอๆกับเจ้าถิ่นก็ไม่ค่อยเต็มปากเพราะอย่างที่ผมบอกมาตลอดว่าทีมของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ ตบๆซัก 2-3 ทีกลับมาเข้าทางได้ไม่ยาก

ถ้าคุณลองดูรายชื่อของฝั่ง เชลซี เรียกว่าตัวเลือกมีไม่ค่อยเยอะทำให้ พ็อตเตอร์ ต้องจำใจใช้งาน เมสัน เมาท์ หรือ ไค ฮาแวร์ตซ์ รวมถึง คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ที่ผมคิดว่าตัวที่หายๆไปทำได้ดีกว่าแน่นอน

งานที่ออกมาจึงตามคุณภาพผู้เล่นที่เดี้ยงไปเกิน 10 คน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทรงบอลวิธีขึ้นบอลดูดีมีอนาคตกว่า ลิเวอร์พูล ติดตรงที่บอลจังหวะสุดท้ายยังออกลูกซาเล้งอยู่

ที่ๆเขาด่ากันส่วนใหญ่เป็นจังหวะบอลสุดท้ายที่ไม่ยอมทำอะไรให้มันเด็ดขาด ทู่ซี้ไม่ยอมยิงทั้งๆที่จังหวะ/ระยะมันมาแล้ว บลาบลา

การเก็บบอลครองบอลดูดีกว่านะครับ หลายครั้งเคาะบอลไปมาจนกระทั่งเจ้าถิ่นที่พยายามวิ่งไล่เลิกไล่ไปเอง ตรงจุดนี้มันก็บอกได้อยู่แล้วว่ารูปแบบวิธี “สิงห์” ดีกว่า มีตำรามีคู่มือนะติดแค่คน

ต้องไม่ลืมด้วยว่าซีซั่นนี้ เชลซี แพ้นอกบ้านมากกว่าชนะแต่มาเยือน แอนฟิลด์ ในสายตาผมทำเกมบุกเป็นเนื้อเป็นหนังมากกว่า

ตอนนี้นอกจากกำลังได้นักเตะใหม่มาช่วยกู้สถานการณ์พวกเขาเก็บคลีนชีตมา 2 นัดติด ถือเป็น good sign ของทีมที่ตั้งเป้าคัมแบ็ค ไม่ใช่คัมแบ็คด้วยการพูดและยกมือไหว้

บอกตามตรงถ้าเกมนี้ เจา เฟลิกซ์ ไม่ติดโทษแบน อาจเกิดหายนะที่ แอนฟิลด์ เพราะคนพลิกบอลเก่งๆ จมูกไวฉีกไลน์ล้ำหน้าเขี้ยวๆเจอแนวรับหลวมเป็นจิ๋มกระป๋องของ “หงส์แดง” มีซักตุงแน่ๆ

การลงสนามอย่างรวดเร็ว 10 นาทีในครึ่งหลังของ มีคายโล่ มูดรีค ทำให้เกมของทีมเยือนมีความวูบวาบ การเลี้ยงบอลติดเท้าคล้าย อารซาร์ ทำให้เกือบมีประตูกในจังหวะหลบ 2 ยิงเข้าข้าง

จูนกับเพื่อนร่วมทีมอีกซักนิดลงซ้อมเซสชั่นมากกว่านี้หน่อยและจับจังหวะบอลไวๆของพรีเมียร์ลีกได้เมื่อไหร่ตัวนี้ไม่น่าห่วงครับ

เฮดไลน์ของคู่นี้เกือบเป็นบอลคาบ้าน จากการที่ “สิงห์” ยิงประตูตั้งแต่ไก่โห่นาทีที่ 3 ซึ่งเป็นโอกาสแรกของเกมนี้ด้วย (ถ้าไม่มีขาของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ล้ำไลน์มาแค่นิดเดียว)

เป็นการตอกย้ำว่าพฤติกรรมการเสียประตูแรกของ ลิเวอร์พูล กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาจนเป็นนิสัยติดตัวไปแล้ว

ไม่นับพวกจังหวะที่น่าโดนโคตรๆไม่ว่าจะฟรีคิกของ ซีเยค ในนาที 31 ที่ผ่านหน้าแข้ง ลิเวอร์พูล 4-5 คนที่กรอบ 6 หลาแต่ เบอโนต์ บาเดียชิล ไม่รู้โหม่งแค่ไม่กี่หลาแป๊กไปได้ไง

หรือถ้า มูดรีค จับบอลที่เลยหัว เจมส์ มิลเนอร์ ที่เสาสองดีๆได้ล่อเป้าเหน่งๆเผาขนไปแล้ว

วันนี้ เดอะ ค็อป หมดสิทธิ์คร่ำครวญใดๆในเรื่องของปัญหาแดกลางเพราะ เยอร์เก้น คล็อปป์ ส่งคนที่ฟอร์มดีที่สุด ณ เวลานี้ทั้ง ติอาโก้, บาจเซติช และ เกอิต้า 3 หนุ่ม 3 มุมที่เล่นกันอย่างลงตัวเมื่อกลางสัปดาห์

แต่ภาพที่ออกมาเป็น “หงส์แดง” ที่กลางถูกกลืนหายไปจนพวกแนวรับต้องเป็นฝ่ายตั้งเกมขึ้นมาเอง (ก่อนเสียซะเป็นส่วนใหญ่)

ท้ายที่สุด โคดี้ กัคโป หรือแม้กระทั่ง โม ซาลาห์ ยิงนกตกปลาทรงเดียวกับ ดาร์วิน นูนเญซ ไปพร้อมๆกัน

รับล่ก, กลางดีได้เท่านี้และหน้าไม่คม ได้ 1 แต้มนี่อย่างโล่งเลยนะครับ

ช่วงเวลาที่พีคที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ยกให้ต้นครึ่งหลังครับ เห็นๆเลยว่าโดน JK ว้ากมา ทุกคนลงสนามแบบมีจิตวิญญาณ วิ่งไล่บดใส่จน เชลซี ตกใจ

น่ารักดีนะครับที่ช่วงเวลาเจ๋งๆนี้กินเวลาแค่ 10 นาทีก่อนทุกอย่างกลับคืนร่างเดิม

สงสาร ฮาร์วีย์ เอเลียตต์ ที่แม้จะถูกดันขึ้นไปเล่นตัวบน (ฝั่งซ้าย) แต่น้องตื่นชัดเจน ไม่กล้าเล่นบอลเลย ถ้าไม่จ้องส่งคืนหลังก็จะรีบออกบอลให้พ้นตัว ซ้ายขึ้นเกมไม่ได้

แค่นั้นยังไม่พอ JK ปรับแท็กติกส์ดันลูกรักมายืนกลาง รูปเกมแย่หนักกว่าเก่าจนต้องส่ง 3 ผู้เฒ่าลงมาประคองในช่วงท้ายเกม

TAA ลงมาแทน มิลเนอร์ แต่ยังรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ จ่ายบอลเข้าทางฝั่งทีมเยือนรัวๆ น่าเวทนาจริงๆ

ท้ายที่สุดผมยังเชื่อว่าความบ้าคลั่งของ “เสี่ยท็อดด์” + ระดับฝีเท้าของนักเตะจะทำให้ เชลซี ค่อยๆทวงคืนพื้นที่เก่าของตัวเองได้แน่

ในขณะที่ “หงส์แดง” ฤดูกาลนี้เบื้องบนเขาปล่อยจอยแล้วแถมยังฝันลมๆแล้งๆกะรอปาฏิหาริย์แห่ง JK ซึ่งมัน out ตกยุคขายไม่ได้ไปนานแล้ว

ถ้าจะห่วยก็ห่วยให้สุดไปเลย อย่าถึงขั้นไปหยุดอยู่ที่ ยูโรป้า ลีก หรือคอนเฟอเรนซ์ลีก

แฟน ลิเวอร์พูล เขาอยากนอนเร็ววันพฤหัสครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ลิเวอร์พูล และ เชลซี ตอนนี้เจอกัน 3 นัดหลังสุดทุกรายการจบลงด้วยการเสมอกันแบบโนสกอร์

นี่เป็นครั้งแรกที่ ลิเวอร์พูล ยิงประตูไม่ได้ติดต่อกันนับตั้งแต่มีนาคม 2021

เยอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมในฐานผู้จัดการทีมนัดที่ 1,000 (441 กับ ลิเวอร์พูล, 319 กับ ดอร์ทมุนด์ และ 270 กับ ไมนซ์)

นับตั้งแต่ debut กับ ลิเวอร์พูล โคกี้ กัคโป กลายเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกคนแรกที่มีโอกาสยิงมากที่สุดแต่ไม่เป็นประตูในทุกรายการ (12)

สเตฟาน บายเซติช เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกให้ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ เบน วู้ดเบิร์น ทำไว้แต่ถ้านับเฉพาะเป็นแข้งสเปน น้องเป็นรองแค่ เชสก์ ฟาเบรกัส เท่านั้น

“สิงห์” ไม่ชนะใครนอกบ้านในพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกัน ถือเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 เลยทีเดียว

นับตั้งแต่ แกรห์ม พ็อตเตอร์ ขึ้นชั้นมาคุมทีมในพรีเมียร์ลีก ไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนเสมอ 0-0 มากไปกว่าเขาอีกแล้ว (17 เกม)

เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ลงเล่นให้ เชลซี ทุกรายการนัดที่ 500 เป็นนักเตะที่ไม่ใช่คนอังกฤษลงเล่นให้สโมสรมากที่สุดไปแล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...