โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

1 ธันวาคม "วันเอดส์โลก" UNAIDS ตั้งเป้ายุติโรคเอดส์ภายในปี 2573

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 30 พ.ย. 2564 เวลา 10.47 น. • เผยแพร่ 30 พ.ย. 2564 เวลา 10.25 น.

"วันเอดส์โลก" ตรงกับ 1 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งปีนี้มีคำขวัญ "วันเอดส์โลก 2564" คือ END INEQUALITIES. END AIDS. END PANDEMICS. เรียกร้องให้ยุติความไม่เท่าเทียมกันทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และกฎหมาย เพื่อยุติโรคเอดส์และโรคระบาดอื่นๆ ทั่วโลก

วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปีเป็น "วันเอดส์โลก" (World AIDS Day) โดยหน่วยงานหลักในการดูแลเรื่องนี้อย่าง UNAIDS (Joint United Nations Programme on HIV/AIDS) ได้เปิดเผยคำขวัญของ "วันเอดส์โลก 2564" ไว้ว่า END INEQUALITIES. END AIDS. END PANDEMICS. เพื่อเรียกร้องให้ทั่วโลก "ยุติความไม่เท่าเทียมกัน ยุติโรคเอดส์ และยุติโรคระบาด" 

UNAIDS ต้องการสร้างความตระหนักให้คนทั่วโลกเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยุติความไม่เท่าเทียมกันของหลายประเทศ ที่ส่งผลให้โรคเอดส์และโรคระบาดอื่นๆ ทั่วโลกยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องและอาจยืดเยื้อยาวนาน 

หากทุกประเทศไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกันอย่างจริงจริง โลกก็อาจจะไม่สามารถยุติโรคเอดส์ภายในปี 2573 ได้อย่างที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ รวมถึงการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ และจะเกิดวิกฤติทางสังคมและเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นใหญ่ของทุกประเทศทั่วโลก ที่ต้องหารือและร่วมมือกันเพื่อยุติการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ให้หมดไปให้ได้ ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่า "วันเอดส์โลก" มีความสำคัญอย่างไร? และต้นกำเนิดของวันนี้มาจากไหน? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนไปหาคำตอบพร้อมกัน 

 

 

  • "วันเอดส์โลก" เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2531

วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น "วันเอดส์โลก" เกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ที่เกิดจากการแพร่กระจายของการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงเป็นวันสากลสำหรับการไว้ทุกข์ให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ด้วย

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS) เป็นภาวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus) ที่เข้าโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยและลดความต้านทานต่อโรคอื่นๆ จึงทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่ายและทำให้เสียชีวิตในที่สุด

 

  • โรคเอดส์เคยระบาดหนัก เสียชีวิตกว่า 41 ล้านคนทั่วโลก

ในช่วงปี 2560 มีรายงานว่าโรคเอดส์ระบาดหนัก จนมีผู้เสียชีวิตราวๆ 28,900,000 - 41,500,000 คนทั่วโลก และประมาณ 36,700,000 คนมีชีวิตอยู่ร่วมกับเอชไอวี ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นสำคัญมากที่สุดในโลกประเด็นหนึ่ง ที่เคยถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ 

ต่อมาเมื่อวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีสามารถเข้าถึงการรักษาด้วย "ยาต้านไวรัส" ที่ดีขึ้น ในหลายภูมิภาคของโลก ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ลดลง

 

  • ปี 2524 พบโรคเอดส์ครั้งแรกในโลก

โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศ ป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อนิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน

ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยด้วย

 

 

  • เช็คสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย

มีข้อมูลจาก "กรมควบคุมโรค" ระบุว่า ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เผชิญกับปัญหาการระบาดของโรคเอดส์มาอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ปี 2564 พบว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังมีชีวิตอยู่ จำนวน 493,859 คน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 5,825 คน (เฉลี่ย 16 คน/วัน) และมีผู้เสียชีวิตจากเอชไอวีจำนวน 11,214 ราย/ปี (เฉลี่ย 31 ราย/วัน)

ดังนั้น ในการยุติปัญหาเอดส์ (Ending AIDS) ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่น ด้วยการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560 - 2573 โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ

1. ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ให้เหลือปีละไม่เกิน 1,000 คน

2. ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวี เหลือปีละไม่เกิน 4,000 ราย

3. ลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวี และเพศภาวะลง ร้อยละ 90 

 

  • ผลสำรวจชี้ คนไทยยังมีอคติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี

จากการสำรวจทัศนคติที่มีต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี (The Multiple Indicator Cluster Survey: MICS) ปี 2562 พบว่า คนไทยยังมีทัศนคติที่เลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี สูงถึงร้อยละ 27.7 ผู้ติดเชื้อเคยถูกเลือกปฏิบัติระหว่างรับบริการสุขภาพ ร้อยละ 11.1 และผู้ให้บริการที่เลือกปฏิบัติต่อผู้มีเชื้อเอชไอวีมีมากถึงร้อยละ 23.3

ดังนั้น เพื่อมุ่งสู่การยุติความเหลื่อมล้ำ และนำไปสู่การยุติปัญหาโรคเอดส์ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์เอดส์โลก ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงมีการส่งเสริมการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยความสมัครใจ ได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง ครอบคลุมทุกสิทธิการรักษาอย่างเท่าเทียม ภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั่วประเทศ

นอกจากนี้ยังผลักดันให้มีการใช้ชุดตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self Test) เพื่อความสะดวกและเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่จะเพิ่มการเข้าถึงการตรวจหาเชื้อ เพื่อให้รู้สถานะการติดเชื้อของตนเองได้รวดเร็ว นำไปสู่การรักษาที่รวดเร็วตามไปด้วย

--------------------------------------

อ้างอิง : unaids.orgWorld_AIDS_Day, กองโรคเอดส์ฯ กรมควบคุมโรค

 

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...